เอเจนซี-ภาวะราคาอาหารพุ่งสูงดันเงินเฟ้อในแผ่นดินใหญ่ ควงสว่านแรงสุดในรอบ 3 ปี ในเดือนที่แล้ว ขณะที่ยอดเกินดุลการค้าจีนเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ขยายตัวสูงเท่ากับ 22,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนแถลงเมื่อวันเสาร์(9 ก.ค.) ระบุดัชนีราคาผู้บริโภค หรือซีพีไอ ซึ่งเป็นปรอทวัดเงินเฟ้อ ของเดือนมิ.ย. สูงถึงร้อยละ 6.4 พุ่งพรวดจากระดับร้อยละ 5.5 ของเดือนพ.ค. ทะลุเกินเป้าหมายประจำปีที่รัฐบาลได้ตั้งไว้ที่ระดับร้อยละ 4
ซีพีไอที่พุ่งถึงร้อยละ 6.4 นี้ นับเป็นระดับสูงสุดนับจากเดือนมิ.ย.ปี 2551 ซึ่งแตะระดับสูงถึงร้อยละ 7.1 และยังเป็นระดับสูงเกินความคาดหมาย โดยก่อนหน้าเมื่อเดือนที่แล้วนายกรัฐมนตรี เวิน จยาเป่า แถลงเชื่อมั่นว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงในช่วงหลังของปีนี้
สำหรับปัจจัยที่ดันซีพีไอพุ่งสูงเช่นนี้ ได้แก่ ราคาอาหาร ซึ่งมีสัดส่วน 1 ใน 3 ของปัจจัยสินค้าที่จีนนำมาคำนวณค่าดัชนีซีพีไอ โดยราคาอาหารเมื่อเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.4 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่ราคาอาหารเดือนพ.ค.เพิ่มในอัตราร้อยละ 11.7
โดยเฉพาะราคาเนื้อหมู ที่แพงขึ้นร้อยละ 57.1 ปีต่อปี ทำซีพีไอสะดุ้งดีดตัวขึ้น 1.4 เปอร์เซนต์
อย่างไรก็ตาม กลุ่มเศรษฐกรชี้ว่าการที่อัตราเงินเฟ้อชุดล่าสุดแตะระดับสูงเช่นนี้ ก็ไม่ได้สะท้อนว่ามาตรการหยุดเงินเฟ้อของผู้นำจีนล้มเหลว โดยเป็นที่คาดกันว่าเงินเฟ้อจะทำสถิติสูงสุดก่อนที่จะเริ่มชะลอตัวลงในเดือนต่อๆไป
ขณะนี้รัฐบาลได้กำหนดให้การควบคุมราคาอาหาร เป็นภารกิจหมายเลขหนึ่ง ด้วยกลัวว่าเงินเฟ้อจะจุดชนวนความวุ่นวายในสังคม นับจากปีที่แล้วรัฐบาลมังกรได้ออกมาตรการคุมเข้มหลายชุด ได้แก่ ธนาคารประชาชนจีน หรือธนาคารกลางได้เพิ่มอัตราเงินสดสำรอง (RRR) ของธนาคารผู้ปล่อยกู้ ถึง 6 ครั้งแล้วในครึ่งปีแรกของปีนี้(2554) จนขณะนี้ กลุ่มธนาคารต้องกันเงินสดสำรองสูงเป็นประวัติการณ์ ร้อยละ 21.5 ไปไว้กับธนาคารกลาง ซึ่งเป็นการควบคุมการปล่อยกู้มากเกิน นอกไปจากนี้ยังมีประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 5 ครั้งแล้วนับจากเดือนต.ค. โดยธนาคารกลางได้แถลงขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดไปเมื่อวันพุธ(6ก.ค.)
นายใหญ่ธนาคารกลางแดนมังกร นาย โจว เสี่ยวชวน แถลงในวันศุกร์(8 ก.ค.) ว่าการผ่อนเพลาอัตราเงินเฟ้อยังเป็นภารกิจหมายเลขหนึ่งของธนาคารฯ
เมื่อต้นปีคณะกรรมาธิการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูป หรือเอ็นดีอาร์ซี ได้สั่งการให้ผู้ผลิตอาหารรายหลักและกลุ่มที่เกี่ยวข้อง ดูแลราคาอาหารให้คงเส้นคงวา
อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักวิเคราะห์ชี้แม้ดัชนีซีพีไอสูงเช่นนี้ รัฐบาลก็จะไม่ดำเนินนโยบายการเงินแบบหดตัวมากไปกว่านี้ อาทิ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในครึ่งปีหลังนี้
หลู่ ถิง เศรษฐกรจีนประจำ Bank of America-Merrill Lynch ชี้ว่าการที่ซีพีไอสูงเกิดคาดหมายเช่นนี้ เป็นข่าวดีสำหรับตลาด เนื่องจากมันสะท้อนว่าเงินเฟ้อถึงทะยานถึงยอดสูงสุดไปเมื่อเดือนที่แล้วแล้ว
ยอดเกินดุลการค้าจีนขยายกว้างขึ้น
สำนักงานศุลกากรจีน เผย(9 ก.ค.)ว่า ยอดเกินดุลการค้าเดือนมิ.ย.ของจีนพุ่งสุดในปีนี้เท่ากับ 22,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากยอดเกินดุลในเดือนพ.ค. ซึ่งเท่ากับ 13,050 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ยอดการนำเข้าลดลงมาก อันเนื่องจากรัฐบาลจีนพยายามควบคุมการนำเข้าสินค้า
ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา อัตราการนำเข้าของจีนขยายตัว 19.3 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับ 139,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากเดือนพ.ค. ซึ่งอยู่ที่ 28.4 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่อัตราการส่งออกอยู่ที่ 17.9 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับ 161,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงเล็กน้อยจากเดือนพ.ค.ซึ่งเท่ากับ 19.4 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนได้พยายามควบคุมการนำเข้าสินค้าต่างๆ เพื่อชะลอเศรษฐกิจภายในประเทศที่ร้อนแรง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ด้วยว่าจีนเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่ชาติต่างๆทั่วโลกโดยเฉพาะสหรัฐฯและชาติยุโรปล้วนต้องพึ่งพา
ไตรมาสแรกของปีนี้ เศรษฐกิจจีนขยายตัว 9.7 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ภาคการผลิตและภาคอื่นๆชะลอตัวลงเนื่องจากรัฐบาลจีนพยายามควบคุมการขยายตัวของเศรษฐกิจให้อยู่ในระดับที่จัดการได้หลังจากที่ปี 2553 เศรษฐกิจจีนขยายตัวด้วยตัวเลขสองหลัก
รัฐบาลจีนพยายามลดการนำเข้าสินค้าต่างๆ เพื่อมุ่งเน้นการบริโภคภายในประเทศ แม้ว่าในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเงินหยวนต่อดอลลาร์สหรัฐจะค่อยๆแข็งค่าขึ้น ซึ่งทำให้สินค้านำเข้าจากต่างชาติมีราคาถูกลง
ยอดเกินดุลการค้าโลกของจีนประจำเดือนมิ.ย. นับเป็นระดับสูงสุดของปีนี้ เพิ่มทะลุยอด 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ของเดือนพ.ค.
จีนซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 11 จากปีที่แล้ว ยิ่งขยายยอดเกินดุลการค้ากับวอชิงตันร้อยละ 20.9 เท่ากับ 19,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การนำเข้าจากยุโรป ตกลง ร้อยละ 6 ขยายยอดเกินดุลกับชาติยุโรป 19.8 เท่ากับ 12,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
บรรดาชาติคู่ค้าและสหรัฐฯต่างกดดันรัฐบาลจีนให้ปรับเงินหยวนเคลื่อนไหวอิสระมากขึ้น โดยชี้ว่าค่าเงินหยวนต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้ผู้ส่งออกจีนได้เปรียบอย่างไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ตามรัฐบาลจีนได้เผยว่าจะค่อยๆปรับขึ้นค่าเงินหยวน โดยจะไม่ปรับขึ้นอย่างรวดเร็วตามเสียงเรียกร้องของต่างชาติ