ASTVผู้จัดการออนไลน์--ขณะที่รัฐบาลตามกวาดล้างขบวนการลักพาตัวเด็ก ที่ทำให้ครอบครัวชาวจีนต้องประสบเคราะห์กรรมในการสูญเสียลูกราว 80,000 คนในนับสิบปีที่ผ่าน และก็ยังมีอีกหนึ่งโศกนาฎกรรมของพ่อแม่ชาวจีน ที่สร้างความตกตะลึงแก่ผู้คนทั่วประเทศจีนอีกครั้ง
นิตยสารชั้นนำแดนมังกร “ไฉซิน เซนจูรี่” (Caixin Century) เปิดโปงเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานวางแผนครอบครัวในมณฑลหูหนัน ได้ใช้นโยบายลูกคนเดียว เป็นเครื่องมือหากิน โดยเจ้าหน้าที่จะขอค่าเลี้ยงดูเด็กโดยอ้างเหตุต่างๆนานาที่เข้าข่ายฝ่าฝืนนโยบายฯ อาทิ มีบุตรเกินโควตา รับเลี้ยงเด็กอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งกฎข้อบังคับได้ระบุเรียกเก็บภาษีหรือค่าเลี้ยงดูเด็กจากครอบครัวเหล่านี้ หากไม่ได้ก็จะนำตัวเด็กไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเซ่าหยังฝูลี่ และเด็กทุกคนที่ถูกนำมาที่นี่ก็จะถูกเปลี่ยนแซ่ เป็น “แซ่เซ่า” พร้อมกับขึ้นทะเบียนรายชื่อเด็กที่รอครอบครัวรับไปเป็นลูกบุญธรรม รายงานยังระบุว่าเจ้าหน้าที่ที่พาเด็กมาส่ง ยังได้เงิน 1,000 หยวนต่อหัว
เด็กๆแซ่เซ่าเหล่านี้ ถูกนำ “ออกขายตลาดลูกบุญธรรมทั่วโลก” ทั้งในสหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ ฟันเงินกันอีกหัวละ 3,000 เหรียญสหรัฐ
ไฉซินเปิดโปงกรณีอื้อฉาวดังกล่าวที่อุบัติในมณฑลหหูหนัน เขตยากจนที่สุดของประเทศจีน ครอบครัวราว 20 ครอบครัว ในเมืองเซ่าหยัง อำเภอหลงหุย ถูกเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานวางแผนครอบครัวพรากลูกหลานไประหว่างปี 2545-2548 พ่อแม่หลายคนติดตามหาลูกอย่างไม่ลดละไม่ว่าจะเหนื่อยยากเพียงไร
โฆษกรัฐบาลท้องถิ่นหลงหุย ยืนยันกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันจันทร์(9 พ.ค.) ว่า ทางการกำลังไต่สวนกรณีอื้อฉาวนี้อยู่ ขณะที่ชาวเน็ตก่นด่ากันท่วมเน็ต
ตามหาลูกสุดหล้าฟ้าเขียว
นายทัง หลี่ปิน พกรูปภาพของลูกสาวชื่อ ทัง หลิง ติดตัวอยู่ตลอด เขาพยายามสืบหาลูกสาวคนเดียว ซึ่งปีนี้อายุ 7 ขวบแล้ว
ทัง หลี่ปิน เล่าว่า เมื่อทัง หลิง อายุได้ 6 เดือน เขาก็ต้องออกไปหางานทำที่เมืองเซินเจิ้น ฝากทัง หลิง ไว้กับปู่ย่าที่บ้านในตำบลเกาผิง อำเภอหลงหุย ไม่กี่เดือนต่อมาในเดือนพ.ค. ปี 2548 เขาโทรศัพท์มาที่บ้าน คนที่บ้านก็ได้บอกว่า “ทัง หลิง ถูกเจ้าหน้าที่มาเอาตัวไปแล้ว”
ทังผู้พ่อ รีบแจ้นกลับมาที่บ้าน แต่ก็สายไปเสียแล้ว
ทีแรก ทังงงเป็นไก่ตาแตก นึกไม่ออกว่า เจ้าหน้าที่อยู่ๆมาเอาลูกสาวคนเดียวของเขาไปได้อย่างไร ต่อมาจึงค่อยเดาออกว่า เจ้าหน้าที่คงมาเห็นปู่ย่าเลี้ยงเด็กทารก ก็ทึกทักเอาเองว่าคนแก่คู่นี้ได้รับเด็กมาเลี้ยงอย่างผิดกฎหมาย และตามกฎข้อบังคับของนโยบายลูกคนเดียว ผู้เลี้ยงเด็กที่ฝ่าฝืนนโยบายฯจะต้องเสียภาษี หรือค่าเลี้ยงดูเด็ก ให้แก่รัฐ
ทัง หลี่ปิน เล่าแก่ผู้สื่อข่าวไฉซิน ว่าเจ้าหน้าที่จากสำนักงานวางแผนครอบครัวในเกาผิง ราว 10 คน “พวกเขามาที่บ้าน ท่าทางดุดันมาก ย่าเห็นเจ้าหน้าที่ 10 คน เดินมาก็อุ้มหลานไปแอบในเล้าหมู แต่ก็ถูกค้นเจอจนได้ เจ้าหน้าที่อ้างว่า ครอบครัวของทัง ไม่ได้จ่ายค่าเลี้ยงดูเด็ก เลยต้อง “ยึดตัวทารกเถื่อนคนนี้ไป”
พ่อของทัง หลี่ปิน ตามไปที่เทศบาลตำบล “พวกเขาก็บอกว่าต้องเอาเงินค่าเลี้ยงดูเด็กที่ติดค้าง 6,000 หยวน จึงมารับตัวเด็กไปได้” ปู่เที่ยวกู้ยืมเงินเพื่อนๆรวบรวมมาได้ 4,000 หยวน เมื่อเอาเงินไปไถ่ตัวเด็ก “พวกเขากลับบอกว่า ต่อให้มี 10,000 หยวน ก็เอาตัวเด็กคืนไม่ได้แล้ว”
ตอนนั้น ลูกสาวของทัง ถูกส่งไปยังสถานเลี้ยงดูเด็กกำพร้าเซ่าหยังฝูลี่แล้ว
เมื่อทัง หลี่ปิน กลับมาถึงบ้าน ก็ตามไปที่สถานเลี้ยงดูเด็กกำพร้า เจ้าหน้าที่กลับบอกว่า “ไม่ได้รับเด็กชื่อ ทัง หลิง มาที่นี่”
สี่ปีต่อมา ทัง หลี่ปินก็สามารถสืบรู้จนได้ว่า ลูกสาวของเขา เป็นลูกบุญธรรมของครอบครัวชาวอเมริกันในสหรัฐอเมริกา
...อีกกรณีหนึ่ง ครอบครัวของเจิง โย่วตง ในหมู่บ้านเกาเฟิ่งในตำบลเกาผิง ภรรยาของเขาคือ หยวน จั้นหวา ได้คลอดลูกสาวสองคนในปี 2538 และ 2540 ทั้งสองไม่สามารถจ่ายค่าปรับได้ เจ้าหน้าที่จึงมาพังบ้าน สองสามีภรรยาหนีไปอยู่ที่อื่น จนหยวน จั้นหวาตั้งครรภ์ลูกคนที่สาม พวกเขาหนีไปซ่อนตัวที่บ้านพ่อของหยวน “พวกเราต้องหลบซ่อนอยู่ในกระท่อมในป่าไผ่ เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยวางแผนครอบครัวตามพบ” เจิง บอกกับไฉซิน
หยวน จั้นหวา เจ็บท้องคลอดลูกในวันที่ 15 เดือนก.ย. ปี 2543 โดยมีหมอตำแย ชื่อ หลี่ กุ้ยหวาเป็นผู้ทำคลอด
หลี่ กุ้ยหวา เล่าแก่ผู้สื่อข่าวไฉซิน ว่า “ เป็นฝาแฝด”
ในเดือนก.พ. 2544 เจิง โย่วตง ตัดสินใจไปหางานทำที่นครฉงชิ่ง “ผมพาลูกสามคนไปอยู่ที่ฉงชิ่งด้วย ส่วนอีกคนคือพี่สาวคนโตของเด็กฝาแฝด ก็ฝากครอบครัวพี่ชายของภรรยาช่วยเลี้ยงดู”
ต่อมา วันที่ 30 พ.ค. 2545 เจ้าหน้าที่จากสำนักงานวางแผนครอบครัว ราว 10 คน ก็มาที่บ้านของพี่ชายมาเอาตัวเด็กอายุหนึ่งขวบครึ่งไป
“ตอนแรก พวกเขาต้องการเงิน 3,000 หยวน ต่อมาก็ขอเพิ่มเป็น 5,000 หยวน ไปๆมาๆก็ขอหมื่นหยวน” สองสามี-ภรรยาพยายามอ้อนวอนเจ้าหน้าที่ ขอผ่อนปรน แต่ก็ไม่สำเร็จ เจ้าหน้าที่ยืนกรานต้องการเงินเท่านั้น และเอาตัวเด็กไปยังสถานเลี้ยงดูเด็กกำพร้าเซ่าหยังฝูลี่
ส่วน เจิง โย่วตงไปหางานทำที่ฉงชิ่ง ได้เปิดแผงลอยเล็กๆทำการค้าขาย เกิดโชคดี ทำมาค้าขึ้น ต่อมาภรรยาของเขา ก็คลอดลูกคนที่ห้า เป็นผู้ชาย
ในปี 2546 เจิง โย่วตง กลับบ้านมาเพื่อร่วมพิธีศพของมารดา ถึงได้รู้ว่าลูกสาวของเขา ถูกเจ้าหน้าที่เอาตัวไป เขาบอกว่า “ผมจำลูกสาวได้ลางๆ เธอมีตุ่มเนื้อเล็กๆที่หูข้างซ้าย”
ครอบครัวทังและเจิงมิใช่เพียงสองครอบครัวที่ประสบเคราะห์กรรมอันเลวร้ายนี้ ราว 20 ครอบครัวในหมู่บ้านต่างๆของอำเภอหลงหุย มณฑลหูหนัน ก็ประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้ด้วย
เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานวางแผนครอบครัวได้มานำเด็กเหล่านี้ไป โดยกล่าวหาว่าพ่อแม่ฝ่าฝืนนโยบายลูกคนเดียว ทั้งที่ความจริง เด็กหลายคนเป็นลูกแท้ๆของพวกเขา และเป็นลูกคนเดียวของครอบครัว
ทั้งนี้ ผู้นำจีนได้ดำเนินมาตรการคุมกำเนิดประชากรด้วยนโยบายลูกคนเดียวมาตั้งแต่ปลายทศวรรษที่ 1970 โดยกำหนดให้ครอบครัวในเขตเมืองมีลูกได้บ้านละหนึ่งคน และยังได้กำหนดกรณีผ่อนปรน อาทิ ครอบครัวในชนบทมีลูกได้สองคน ครอบครัวชนกลุ่มน้อยมีได้สองถึงสามคน แต่นโยบายฯดังกล่าวก็ได้สร้างปัญหาซับซ้อนอุรุงตุงนังมากมาย เกิดกรณีละเมิดสิทธิมนุษย์ชนอันน่าสะเทือนใจหลายกรณีซึ่งถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก.