หลังจากที่หลิว เสี่ยวปั่วนักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนผู้ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพปี พ.ศ. 2553 ถูกรัฐบาลจีนตัดสินจำคุก 11 ปี ในข้อหาการกระทำที่ยั่วยุให้เกิดการล้มล้างอำนาจรัฐ สร้างข่าวครึกโครมถึงเก้าอี้ที่ว่างเปล่าในพิธีรับรางวัลโนเบลครั้งล่าสุด ดูเหมือนว่ากระแสเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชน ยังคงไม่มอดดับ ด้วยความโดดเด่นของนาย ไอ้ เว่ยเว่ย ศิลปินนักวิจารณ์สังคมที่ล่าสุดถูกทางการจับกุม จำกัดการเดินทางเขา เมื่อวันที่ 3 เมษายน
ในประเทศจีน แม้รัฐบาลฯ จะพยายามลดปัจจัยเงื่อนไขที่อาจเอื้อให้เกิดเหตุวุ่นวาย เช่นที่เกิดขึ้นกับ “การปฏิวัติดอกมะลิ” ในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ด้วยความพยายามสร้างคุณภาพชีวิตให้ประชาชนอยู่อย่างมีความสุข พัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน กำจัดคอร์รัปชั่น และความไม่ยุติธรรม ลดช่องว่างรายได้ เหลื่อมล้ำทางฐานะ ฯลฯ แต่ในอีกด้านก็จำกัดควบคุมการเคลื่อนไหวเรียกร้องเสรีภาพ อย่างเข้มงวด โดยเดินหน้าปราบปรามนักเคลื่อนไหวเรียกร้อง“การปฏิวัติดอกมะลิ” ล่าสุด นายไอ้ เว่ยเว่ย นักศิลปะ ผู้ออกแบบสนามกีฬารังนก และนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยฝีปากกล้า ถูกตำรวจรวบตัวอีกราย
นายไอ้ เว่ยเว่ยเคยถูกตำรวจจับกุมมาแล้วหลายครั้ง และครั้งหลังสุดเขาถูกจับกุมเมื่อวันอาทิตย์ ที่ผ่านมา (3 เม.ย.) ขณะกำลังจะขึ้นเครื่องบินโดยสารที่กรุงปักกิ่ง เดินทางไปยังฮ่องกง โดยขณะนี้อยู่ในความควบคุมของตำรวจจีน นอกจากนั้น ตำรวจยังเข้าตรวจค้นสตูดิโอในกรุงปักกิ่งของเขาอีกด้วย
โดยนายไอ้ วัย 54 ปี ถูกรวมอยู่ในบัญชีหางว่าวกลุ่มนักเคลื่อนไหว ซึ่งถูกตำรวจจับกุม หรือถูกศาลตัดสินจำคุก หลังจากออกมาเรียกร้องการประท้วงต่อต้านรัฐบาลตามกระแส“การปฏิวัติดอกมะลิ”กระทั่งบรรดาประเทศตะวันตก อันได้แก่ สหรัฐฯ ฝรั่งเศส เยอรมนี สหราชอาณาจักร รวมทั้งรัฐบาลไต้หวัน และองค์กรนิรโทษกรรมสากล กลุ่มนักสิทธิอีกมากมาย ต่างแสดงความไม่พอใจและกังวลต่อชะตาชีวิต เรียกร้องให้ทางการจีนปล่อยตัว ไอ้ เว่ยเว่ย นักวิจารณ์สังคมชาวจีนผู้นี้
ตามสถิติที่ผ่านมา นายไอ้ เคยถูกทางการจีน จับ จำกัดการเดินทาง และปล่อยตัว อยู่เป็นระยะๆ โดยล่าสุด เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้วไอ้ เว่ยเว่ย ศิลปินชั้นนำจีน วัย 53 ปี ถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ในบ้านตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 พ.ย. เพื่อไม่ให้เข้าร่วมงานเลี้ยงที่อาคารสตูดิโอศิลปะแห่งใหม่ของเขา ที่เซี่ยงไฮ้ ซึ่งกำลังจะถูกรื้อถอน หลังจากนั้น เขาก็ได้รับการปล่อยตัว ก่อนจะถูกจับกุมในวันที่ 2 ธันวาคม ขณะเดินทางออกนอกประเทศไปยังเกาหลีใต้ โดยเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวเขาก่อนขึ้นเครื่องบิน 30 นาที
ในครั้งนั้น นายไอ้ กล่าวว่า การจำกัดการเดินทางของเขา อาจเกี่ยวกับกระแสข่าวงานพิธีมอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ของหลิว เสี่ยวปัว ที่จะจัดขึ้นกับเก้าอี้ว่าง ที่กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ ในวันที่ 10 ธ.ค. นายไอ้ได้รับการปล่อยตัวหลังจากนั้นไม่นาน และมาถูกจำกัดการเดินทางอีกครั้งเมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา จึงอาจกล่าวได้ว่า หลังจากหลิว เสี่ยวปัวแล้ว คงมีเพียง ไอ้ เว่ยเว่ย นี่กระมังที่ดูจะยอกอกรัฐบาลจีน และสื่อทางการจีนบางรายถึงกับทำนายว่า ชายคนนี้คงจะได้รับการเสนอชื่อรับรางวัลโนเบลสันติภาพคนต่อไปทีเดียว
"ไอ้ เว่ยเว่ย" หนามยอกอกรัฐบาลจีน
นายไอ้ เป็นบุตรชายของไอ้ ชิง กวี ผู้ซึ่งบรรดาผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนในยุคแรกเคารพนับถือ เขามีส่วนในการออกแบบสนามกีฬารังนกสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก2008 ที่กรุงปักกิ่ง ร่วมกับสถาปนิกชาวสวิสคือแฮร์ซอค (Herzog) และเมอรง (Meuron) มหกรรมกีฬาคราวนั้นทำให้พรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งปกครองประเทศมีหน้ามีตาไปทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น ศิลปินผู้นี้ก็กลับกลายเป็นหนามยอกอกรัฐบาลจีน เมื่อเขาออกมาวิพากษ์วิจารณ์บรรดาผู้นำจีนอย่างไม่ไว้หน้า โดยเรียกคนเหล่านี้ว่า “พวกนักเลงโต” และเข้าร่วมการรณรงค์เรียกร้องความชอบธรรมต่าง ๆ ในสังคม เช่น จัดตั้งคณะกรรมการภาคประชาชนทำหน้าที่ตรวจสอบกรณีอาคารโรงเรียนหลายแห่งพังถล่ม ขณะเกิดแผ่นดินไหวในมณฑลเสฉวนเมื่อปี 2551 หลังจากหลายคนสงสัยว่า เจ้าหน้าที่รัฐมีการโกงกินกัน ทำให้การก่อสร้างอาคารไม่ได้มาตรฐาน จนพังลงมาอย่างง่ายดาย ในขณะที่อาคาร ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กันกลับไม่เป็นอะไรเลย
ไอ้ ชิง เป็นกวี ที่ได้รับการยกย่อง และเป็นสมาชิกพรรคคอมิวนิสต์ แต่ต่อมาถูกปรักปรำ และถูกส่งตัวไปยังค่ายแรงงาน อย่างไรก็ตาม เขาได้รับการกอบกู้ชื่อเสียง และได้รับการเคารพนับถืออีกครั้งในปัจจุบัน
สำหรับนายไอ้ ผู้ลูกนั้น เริ่มเป็นนักศิลปะ ที่โดดเด่นในช่วงปลายทศวรรษ1970 โดยเป็นสมาชิกในกลุ่มนักศิลปะหัวก้าวหน้า ซึ่งรู้จักกันในนามว่า เดอะ สตาร์ส จากนั้น ไปใช้ชีวิตอยู่ในอเมริกานานกว่า 10 ปี กระทั่งกลับบ้านเกิดเมืองนอนในช่วงทศวรรษ1990
นายไอ้เคยเขียนบทความแสดงความคิดเห็นทางการเมืองผ่านบล็อกของเขาในอินเทอร์เน็ต ซึ่งยังมีการเผยแพร่ภาพยนตร์ขนาดสั้น และผลงานรูปถ่าย เป็นบล็อก ที่มีประชาชนเข้าไปอ่านอย่างแพร่หลาย แต่ในที่สุดก็ถูกทางการปิด
“สังคมนี้ไร้ประสิทธิภาพ ไม่มีความเป็นมนุษย์ในทางการเมืองหลาย ๆ อย่าง” นายไอ้เคยกล่าวกับผู้สื่อข่าวเอเอฟพีระหว่างถูกกักบริเวณภายในบ้านเมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว
นายไอ้เคยเข้ารับการผ่าตัดเลือดคั่งในสมองที่เยอรมนี หลังจากเขาอ้างว่า ได้ถูกตำรวจจับกุมและทุบตี เพื่อสกัดกั้นไม่ให้เขาขึ้นให้การเป็นพยานเป็นประโยชน์แก่นายถัน จั้วเหริน นักเคลื่อนไหว ซึ่งถูกจับกุม และฟ้องดำเนินคดีในปี2552 กรณีการสอบสวนอาคารโรงเรียนพังถล่ม ต่อมา นายถันถูกตัดสินจำคุก 5 ปี
เมื่อเดือนธ.ค. ปีที่แล้ว นายไอ้ถูกห้ามออกนอกประเทศ ก่อนหน้าพิธีมอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพที่กรุงออสโลแด่นายหลิว เสียวปั่ว นักเขียนนักต่อต้านรัฐบาล ซึ่งถูกจองจำในคุก
นอกจากนั้น เดือนม.ค. สตูดิโอ ที่นายไอ้เพิ่งสร้างใหม่ในนครเซี่ยงไฮ้ยังถูกรื้อถอน เพื่อตอบโต้ ที่เขาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของนครเซี่ยงไฮ้อย่างรุนแรง
รัฐบาลจีนยังคงเดินหน้าจับกุมนักเคลื่อนไหวคนเด่น ๆ ไปแล้วหลายคนในการปราบปราม ที่ดำเนินอยู่ในขณะนี้ แต่นายไอ้เชื่อมั่นว่า อินเทอร์เน็ตจะเป็นอาวุธในการทำลายอุ้งมือเหล็กของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่ควบคุมการเมือง และการแสดงความคิดเห็นของประชาชน ด้วยการประกาศว่า
“อินเทอร์เน็ตเป็นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับจีน เทคโนโลยีชนิดนี้นี่แหละ ที่จะทำลายการปกครองเผด็จการนี่”