xs
xsm
sm
md
lg

ชี้ เศรษฐกิจจีนดีขึ้น ใช่ว่าคนจีนจะรวยตาม !

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กราฟแสดงรายได้เฉลี่ยตัวหัวต่อปีของประชากรประเทศต่าง ๆ ชี้ว่าประชากรจีนยังคงมีรายได้ไม่สู้ญี่ปุ่น (ภาพเอเยนซี)
เอเยนซี - เศรษฐกิจจีนบูมระเบิด มาแรงแซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นแท่นอันดับสองของโลก เมื่อปีที่ผ่านมา (2553) ถึงกับมีการคาดกันว่าภายในอีกไม่เกิน 15 ปีจากนี้ จีนก็อาจแซงยักษ์ใหญ่เจ้าเศรษฐกิจอันดับหนึ่งอย่างมะกันได้ แต่นักวิเคราะห์ยังคงตั้งคำถามว่า “การเลื่อนอันดับดีขึ้นนี้ หมายถึงประชาชนอยู่ดีกินดีเพิ่มขึ้นด้วยหรือไม่”

ทศวรรษที่ผ่านมา การปฏิรูปและเปิดประเทศทำให้เศรษฐกิจจีนขยายตัวแบบก้าวกระโดด โดยเฉลี่ยราวปีละ 10 เปอร์เซ็นต์ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าประชาชนพลเมืองจีนจะกินอยู่ดีขึ้นไปกว่าชาวเยอรมนีหรือฝรั่งเศส ความจริงแล้วรายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรจีนในปี 2552 นั้นอยู่ที่ 3,744 ดอลลาร์สหรัฐฯ จัดอยู่อันดับที่ 86 จากทั้งหมด 164 ประเทศ ข้อมูลของธนาคารโลกนี้ ก็บ่งบอกว่ารายได้เฉลี่ยประชากรจีนนั้นน้อยนิดพอ ๆ กับตูนีเซีย อัลบาเนีย และจอร์แดน ก็ว่าได้

แม้ว่าญี่ปุ่นจะเสียตำแหน่งอันดับสองให้กับจีนไปแล้ว แต่คนญี่ปุ่นโดยเฉลี่ยยังคงมีฐานะเป็นอยู่ดีกว่าคนจีน ในปี 2552 รายได้เฉลี่ยคนญี่ปุ่นอยู่ที่ปีละ 39,727 ดอลลาร์ ซึ่งอยู่อันดับ 19 ของโลก ขณะที่สหรัฐฯ นอกจากจะครองแชมป์เศรษฐกิจแล้ว รายได้เฉลี่ยประชากรต่อปีก็ยังเป็นอันดับ 1 ด้วย โดยอยู่ที่ 45,989 ดอลลาร์ต่อปี ในปี 2553 รายได้เฉลี่ยประชากรญี่ปุ่นต่อปีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 42,500 ดอลลาร์ ขณะที่สหรัฐฯก็เพิ่มอีกอยู่ที่ 47,100 ดอลลาร์

อย่างไรก็ตามหากคิดในเชิงเปรียบเทียบปีต่อปีแล้ว รายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนจีนก็เพิ่มขึ้นจาก 3,744 ดอลลาร์ในปี 2552 มาเป็น 4,300 ดอลลาร์ ในปี 2553 นับว่าเพิ่มขึ้นมาอีก 15 เปอร์เซ็นต์
กราฟแสดงขนาดเศรษฐกิจเปรียบเทียบ โดยใช้จีดีพีเป็นตัววัด ขณะนี้จีนแซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ของโลกแล้ว (ภาพเอเยนซี)
สืบเนื่องจากการคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนอาจแซงหน้าสหรัฐฯในอีก 10 กว่าปีนั้น คงเพราะนักวิเคราะห์มองไปที่ขนาดประเทศ จำนวนประชากร 1,300 ล้านคน เทียบกับ 300 ล้านของสหรัฐฯแล้ว เศรษฐกิจจีนถือว่ายังสามารถขยายตัวได้อีกมาก

เศรษฐกิจจีนได้ผงาดขึ้นมาติด 1 ใน 10 ของโลก แซงหน้าประเทศมหาอำนาจทั้งหลายอย่างง่ายดาย โดยในปี 2543 แซงหน้าอิตาลีขึ้นมาอยู่อันดับ 6 ต่อมาอีก 5 ปี ก็แซงฝรั่งเศส ขึ้นมาอยู่อันดับ 5 ต่อมาในปี 2549 ก็แซงอังกฤษ ต่อมาก็แซงเยอรมนี

หลังจากอยู่อันดับ 3 เป็นเวลา 3 ปี จนกระทั่งปี 2553 เศรษฐกิจญี่ปุ่นได้ถดถอยเนื่องจากภาวะเงินฝืดและประชาสูงวัยมากกว่าวัยทำงาน โดยเศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวลงถึง 0.3 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสที่ 4 ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส ทำให้จีนแซงขึ้นมาอยู่อันดับ 2 ได้ในที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น