xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ อ้างของแพง จ่อคุยเอกชนขึ้นค่าแรงเพิ่ม ยันปาล์มคลี่คลาย น้ำตาลไม่ขาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี (แฟ้มภาพ)
“อภิสิทธิ์” เชื่อปัญหาน้ำมันปาล์มขาดแคลนคลี่คลายตามลำดับ ยันน้ำตาลไม่ขาด อ้างราคาถูกกว่าเพื่อนบ้านทำพ่อค้าดอดขายนอก โยนอุตฯ-พาณิชย์จัดการ อ้างน้ำมันแพงทำสินค้าขึ้น พร้อมตรึงดีเซล นัดถกคุยปัญหากองทุนน้ำมันพรุ่งนี้ พร้อม กขช.หลังพบต้นทุนข้าวสูง จ่อปรับราคาประกันขึ้น เล็งคุยเอกชนขึ้นค่าแรง ยันช่วยแรงงานในลิเบียต่อ

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์"  

วันนี้ (6 มี.ค.) ที่สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีราคาสินค้าแพงว่า ในสินค้าหลักที่สามารถเข้าไปควบคุมดูแลได้ก็จะมีการติดตามอย่างเต็มที่ ทั้งกรณีน้ำมันปาล์ม ที่มีปัญหาขาดแคลนมาในเวลาหนึ่ง โดยรัฐบาลได้มีมาตรการที่จะหมุนเอาส่วนที่เคยผลิตไบโอดีเซล และที่มีการนำเข้ามาผลิต และมีการเร่งรัดให้มีการจำหน่ายไปทั่วประเทศ ขณะที่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (30 ก.พ.) ตนได้ตรวจเยี่ยมพบว่า น้ำมันในจุกสีชมพูยังไม่ได้ออกมาขาย ขณะที่สถานการณ์ภาวะขาดแคลนในบางห้างเริ่มคลี่คลาย ซึ่งเราวิเคราะห์ดูแนวโน้มของตลาดโลก และผลผลิตปาล์ม ตนมั่นใจว่าจะเริ่มคลี่คลายลง โดยคาดว่าน้ำมันจุกฝาสีชมพูจะเริ่มออกจำหน่ายภายในกลางหรือปลายเดือนนี้ ขณะที่การซื้อขายก็ให้ไม่มีการจำกัดเรื่องปริมาณ ทั้งนี้ตนขอความร่วมมือประชาชนที่ซื้อเข้าไปกักตุน รวมทั้งนำไปขายต่อในราคาที่สูงกว่า ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฏหมาย และเจ้าหน้าที่ก็จะเข้าดำเนินการ ส่วนข้อมูลการร้องเรียนสินค้าไม่เพียงพอก็ถือว่าเป็นประโยชน์ ซึ่งตนได้สั่งการกำชับเร่งรัดแก้ปัญหา ตนเชื่อว่าในสัปดาห์ต่อไปจะคลี่คลายเป็นลำดับ

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะที่เรื่องของน้ำตาลนั้น ขอยืนยันว่าสภาวการณ์ขาดแคลนยังไม่มี เพราะผลผลิตอ้อยไม่ได้อยู่ในภาวะขาดแคลน และมีเพียงพอ ปัญหาก็คือในบ้านเรามีการควบคุมราคาน้ำตาล ทำให้น้ำตาลในประเทศถูกกว่าประเทศเพื่อนบ้านและราคาในตลาดโลกค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นจึงมีบางส่วนที่มีความพยายามลักลอบนำไปขายในต่างประเทศในราคาที่สูงกว่า หรือจะขึ้นราคาภายในประเทศ ซึ่งตรงนี้ทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพาณิชย์ กำลังดำเนินการไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นได้ โดยรัฐมนตรีอุตสาหกรรม ได้เดินทางไปยังโกดังและมีการจัดสรรหาโควต้าต่างๆเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าภาวะความขาดแคลนน้ำตาลไม่มีแน่นอน

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ส่วนราคาสินค้าที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ส่วนหนึ่งก็มาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่สูงขึ้นด้วย ขณะที่รัฐก็ได้ใช้เงินกองทุนน้ำมันในการตรึงราคาน้ำมันดีเซล ไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร เพราะหากราคาเกินก็จะมีปัญหาตามมาในเรื่องของการขึ้นค่าขนส่ง ซึ่งเงินกองทุนนี้ เดิมก็เคยคำนวนเอาไว้ว่ากองทุนจะเข้ามาดูแลได้จนถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้ แต่ก็มีมติเอาไว้ว่าเมื่อได้ที่เงินกองทุนเหลือน้อยกว่า หมื่นล้านบาท ก็จะมีการมาพิจารณาว่าจะดำเนินการต่อเนื่องจากมาตรการนี้อย่างไร สัปดาห์ที่ผ่านมามีการประชุมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วก็มีการให้ข่าวว่ากองทุนน้ำมันเหลืออยู่ประมาณ 7 พันล้าน ก็กังวลว่าอาจจะไม่สามารถดำเนินการได้ถึงกรอบเวลาเดิม หรือแม้กระทั่งในเดือนมีนาคมด้วยซ้ำ ซึ่งตนได้ตรวจสอบตัวเลขที่บอกว่าเหลือ 7 พันล้าน ได้มีการหักเงินชดเชยเพื่อตรึงราคาก๊าซหุงต้ม ที่มีนโยบายชัดเจนว่าไม่ต้องการประชาชนเดือดร้อนจากการที่ก๊าซหุงต้มขึ้นราคา ที่นี้ก็มีการไปคำนวนว่าเงินที่ใช้ในการอุดหนุนถ้าคำนวนไปถึงเดือนมิถุนายน ซึ่งรวมไปถึงการตรึงราคาแอลพีจี ภาคอุตสาหกรรม และภาคขนส่ง รวมไปถึงเอ็นจีวี ก็จะทำให้เงินในกองทุนจึงเหลือ 7 พันล้าน ตรงนี้ก็จะทำให้เกิดความสับสนขึ้นมา เพราะเอาเงินที่เป็นหนี้สินล่วงหน้ามาคำนวน โดยในวันพรุ่งนี้ตนจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยกันอีกครั้งว่า การคำนวนเงินกองทุนจะเอาหลักเกณฑ์อะไร เพื่อที่จะให้มีความชัดเจนในเรื่องของมาตรการดังกล่าว เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชนให้มากที่สุด แต่ก็ต้องยอมรับว่าราคาน้ำมันได้ตลาดโลกได้รับผลกระทบจากปัญหาความไม่สงบเรียบร้อยในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะที่ประเทศลิเบีย และใกล้เคียง ซึ่งก็ต้องดูว่าภาวะราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นในขณะนี้เป็นภาวะชั่วคราวหรือมีแนวโน้มอยู่ในระดับนี้เป็นเวลานาน และตนก็ให้ทุกหน่วยงานและกระทรวงการคลังวิเคราะห์ตัวเลขต่างๆ ก่อนส่งให้กับตนในวันพรุ่งนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ตนก็จะนัดประชุมคณะกรรมการนโบายข้าวแห่งชาติ หลังจากที่มีการกำหนดราคาข้าวแล้วพบว่าต้นทุนทางการเกษตรเพิ่มสูงขึ้น โดยจะให้กระทรวงเกษตรทำตัวเลขมาว่าต้นทุนเพิ่มขึ้นไปมากน้อยแค่ไหน และขณะนี้พบว่าต้นทุนขึ้นไปจริงๆ ก็จะมีการปรับขึ้นราคาประกันข้าว ให้เป็นไปตามสัดส่วนของต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็จะดูด้วยว่าข้อเรียกร้องอื่น เช่น จำนวนปริมาณที่จะมีการรับประกัน ซึ่งเดิมจำกัดเอาไว้ที่ 25 กิโลกรัม ก็จะเพิ่มเป็น 40 หรือไม่อย่างไร ขณะที่ในส่วนของข้าราชการก็จะมีการปรับขึ้นเงินเดือน และก็ทำความเข้าใจกับภาคเอกชนว่าค่าแรงขั้นต่ำจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นอีก เพื่อให้ประชาชนมีรายได้เพียงพอที่จะต่อสู้กับภาวะข้าวของแพงในปัจจุบัน

ส่วนปัญหาผู้ใช้แรงงานที่ลิเบียนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คนไทยที่อยู่ในลิเบียมีประมาณ 20,000 คน ก็จะแบ่งเป็นอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยและทำงานตามปกติ ราว 1 หมืานคน และอีก 1 หมื่นคนคือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์สู้รบ ซึ่งขณะนี้ในจำนวนดังกล่าวได้เดินทางกลับมาประเทศไทยแล้ว 4,000 กว่าคน และอีกประมาณ 5 พันกว่าคนได้อยู่ในที่ปลอดภัย เช่นอียิปต์ ตูนีเซีย และจะทยอยนำกลับมาสู่ประเทศไทย เมื่อกลับมานอกจากการดูแลตามสิทธิที่พึงได้ ทางกระทรวงแรงงานก็จะแยกแยะออกไปจากกลุ่มที่ไม่พึงประสงค์จะกลับไปทำงานในลิเบีย และจะกลับไปยังถิ่นฐานของตนเอง เพื่อดูแลให้ได้ว่ามีงานทำ และอีกส่วนหนึ่งคือหางานอื่น และกลุ่มที่สามคือรอคอยไปทำงานยังประเทศอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ทางกระทรวงก็พยายามช่วยเหลือประชาชนให้กลับมาและก็จะดูแลในเรื่องของการทำงานต่อไป

กำลังโหลดความคิดเห็น