เอเอฟพี-ยอดส่งออกจีนยังเติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน ยึดตำแหน่งจ้าวการส่งออกของโลกต่อไปอย่างเหนียวแน่น
สำนักงานศุลกากรจีน เผย ยอดส่งออกของจีนในเดือนม.ค. ขยายตัวจากปีก่อนร้อยละ 21 ที่มูลค่า 109,475 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยยอดการส่งออกของจีนในเดือนธ.ค. ปีก่อนขยายตัวร้อยละ 17.7 เทียบเป็นรายปี
โดยจีนแซงหน้าเยอรมนีขึ้นเป็นชาติส่งออกอันดับหนึ่งของโลกประจำปี 2552 หลังเมื่อวันอังคาร (9 ก.พ.) เยอรมนีประกาศยอดการส่งออก ปี 2552 ที่ 1.12 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งน้อยกว่ายอดการส่งออกของจีนที่ประกาศไปตั้งแต่เดือนก่อนที่ 1.20 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ ยอดการส่งออกจีนถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากตัวเลขดังกล่าว จะสะท้อนแนวโน้มของเศรษฐกิจจีน รวมทั้งการฟื้นตัวของอุปสงค์ในตลาดที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินฯ เช่น สหรัฐฯ และชาติยุโรป
อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิเคราะห์ต่างเตือนว่า ยอดส่งออกฯ ขยายตัว เนื่องจากถูกนำไปเปรียบเทียบกับตัวเลขในปี 2552 ซึ่งอยู่ในระดับต่ำ
Ken Peng นักเศรษฐศาสตร์ แห่งซิติกรุ๊ป สาขาปักกิ่ง กล่าวว่า อัตราการขยายตัวที่ร้อยละ 21 ไม่ได้แสดงถึงความแข็งแกร่งเลย โดยอาจต้องจับตามองยอดการส่งออกไปจนถึงเดือนมี.ค. จึงจะเห็นสถานการณ์การส่งออกที่แท้จริง
ทั้งนี้ ยอดส่งออกของจีนในเดือนม.ค.หดตัวจากเดือนธ.ค. ปีก่อน ร้อยละ 16.3 ส่วนยอดการค้ายังเกินดุล อยู่ 14,170 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือลดตัวลงร้อยละ 63.8 เทียบเป็นรายปี
โรเบิร์ต ซับบารามาน นักเศรษฐศาสตร์ แห่ง โนมูระ อินเตอร์เนชันแนล สาขา ฮ่องกง ระบุว่า ยอดส่งออกของจีนเป็นสัญญาณที่ดี ที่แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจโลกอาจกำลังหลุดพ้นจากภาวะถดถอย
นอกจากนี้ ยอดการนำเข้าเดือนม.ค.ของจีนยังสูงขึ้นร้อยละ 85.5 เทียบเป็นรายปี ที่ 95,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่ง ซับบารามาน มองว่า สินค้านำเข้าของจีนจำนวนมากเป็นสินค้าประเภทชิ้นส่วนและอุปกรณ์ ซึ่งจำเป็นในกระบวนการผลิตสินค้าเพื่อนำไปส่งออกในที่สุด ขณะเดียวกัน ยอดนำเข้าฯ ยังสะท้อนอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของจีน ในขณะที่การลงทุนและการบริโภคกำลังเฟื่องฟู
จีนใช้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน (586 เหรียญสหรัฐ) ในช่วงปลายปี 2551 โดยเงินดังกล่าวถูกใช้ในการลงทุนด้านสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ และโครงการอื่นๆ โดยมีเป้าหมายเพิ่มยอดดีมานด์ภายในประเทศนอกจากนี้ รัฐบาลจีน ยังตั้งเป้าเพิ่มการบริโภคภายในประเทศเพื่อลดการพึ่งพิงการส่งออกของเศรษฐกิจจีน