บริษัท ไทยออยล์ จำกัด(มหาชน) รายงานว่า ปัญหาวิกฤตการเงินยังคงลุกลามต่อไปยังยุโรปอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวานนี้ธนาคารรายใหญ่ของเบลเยียม ซึ่งเป็นสถาบันการเงินรายใหญ่อันดับ 3 ของยุโรป ประกาศเพิ่มทุน มูลค่า 6,400 ล้านยูโร ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ปรับเพิ่มขึ้น 4.19 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 98.17 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบดูไบ ที่ตลาดสิงคโปร์ ส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ปรับลงลง 6.01 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 87.53 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ประกอบกับจีนและไต้หวัน ยังคงส่งออกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าจีนจะส่งออกน้ำมันเบนซินในเดือนตุลาคม ประมาณ 200,000 ตัน แม้ว่าในช่วงสัปดาห์นี้จะอยู่ในช่วงวันหยุดพักผ่อนของจีน อาจสนับสนุนให้มีปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินในประเทศเพื่อการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น รวมถึงจะไม่ทำให้ปริมาณการส่งออกจีนลดลงมากนัก เนื่องจากมีปริมาณน้ำมันเบนซินสำรองในระดับสูง
ส่วนค่าเงินบาท เช้านี้ (1 ต.ค.) เปิดตลาดที่ระดับ 33.85 - 33.88 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมองว่า ค่าเงินบาทวันนี้มีแนวโน้มแข็งค่าเมื่อเทียบกับเมื่อวาน เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลัก เช่น ยูโร แม้แผนการอัดฉีดเงินเข้าระบบ 700,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่ไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จะนำมาพิจารณาใหม่ในคืนวันนี้ แต่นักลงทุนยังมีความไม่แน่ใจในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากคาดว่า วันนี้ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.80 - 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
ส่วนค่าเงินบาท เช้านี้ (1 ต.ค.) เปิดตลาดที่ระดับ 33.85 - 33.88 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมองว่า ค่าเงินบาทวันนี้มีแนวโน้มแข็งค่าเมื่อเทียบกับเมื่อวาน เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลัก เช่น ยูโร แม้แผนการอัดฉีดเงินเข้าระบบ 700,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่ไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จะนำมาพิจารณาใหม่ในคืนวันนี้ แต่นักลงทุนยังมีความไม่แน่ใจในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากคาดว่า วันนี้ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.80 - 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ