เอเจนซี--เอดีบีชี้ จีดีพีจีนปีนี้ โตแค่ร้อยละ 7 แม้ระดมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมโหฬารเพื่ออัดฉีดเศรษฐกิจท่ามกลางมรสุมวิกฤตการเงินโลก จัดเป็นระดับต่ำกว่าเป้าร้อยละ 8 ที่ผู้นำจีนเล็งไว้
ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย หรือ เอดีบี แถลงรายงานคาดการณ์เศรษฐกิจประจำปีในวันนี้(31 มี.ค.) ระบุเศรษฐกิจประเทศจีนปีนี้ จะขยายตัวร้อยละ 7 เทียบกับการขยายตัวร้อยละ 9 ของปี 2551 และ ร้อยละ 13 ของปี 2550
ขณะที่ ธนาคารโลก คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนปีนี้ ตกต่ำร้อยละ 6.5 ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 20 ปี
สำหรับรายงานของเอดีบี ยังระบุอีกว่า ภาคส่งออกจีนซึ่งเป็นเสาหลักในการกระตุ้นจีดีพี จะถดถอยลงยิ่งกว่านี้ เนื่องจากความต้องการที่มีแต่ดิ่งเหวลึก
“แนวโน้มความต้องการภายนอกขณะนี้ ชี้ว่าการส่งออกสินค้าในปี 2552 นี้ จะตกต่ำแตะระดับราวร้อยละ 4 จากนั้น ก็จะดีดตัวขึ้นที่ร้อยละ 8 ในปี 2553” รายงานของเอดีบีระบุ
อย่างไรก็ตาม เอดีบีก็แสดงความอุ่นใจ ที่จีนฟิตออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดมโหฬาร มูลค่าเกือบ 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ที่เริ่มบุกเบิกมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว โดยพุ่งเป้ากระตุ้นความต้องการภายใน
สำหรับแพจเกจกระตุ้นเศรษฐกิจนี้ ประกอบด้วยการใช้จ่ายภาคโครงสร้างพื้นฐาน และงบฯอุดหนุนภาคอุตสาหกรรมต่างๆ นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้เตรียมแผนหนุนการใช้จ่ายในภาคสาธารณสุขประกันสังคม เพื่อทำให้ชาวจีนที่มีนิสัยประหยัดอดออม เลิกห่วงการเก็บเงิน หันมาใช้เงินกัน
อย่างไรก็ตาม เอดีบีชี้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยังต้องอาศัยเวลา โดยจะออกดอกผลในปี 2553 ในการกระตุ้นเศรษฐกิจโตถึงร้อยละ 8 “การลงทุนในภาคสาธารณะนั้น ต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆ จึงเห็นผล และต้องรอกันไปถึงครึ่งปีหลังของปี 2552 นี้ ที่สถานการณ์จะกระเตื้องขึ้น”
ทั้งนี้ ผู้นำจีนได้ตั้งเป้าการเติบโตร้อยละ 8 ซึ่งเป็นระดับที่อาจกระตุ้นการจ้างงานเพียงพอสำหรับประชาชน ซึ่งปัญหาว่างงานในจีนที่มีพลเมืองถึง 1,300 ล้านคนนั้น อาจจุดชนวนความวุ่นวายทางสังคม ที่ผู้นำกลัวกันมากที่สุด
นอกจากนี้ รายงานของเอดีบี ยังคาดการณ์การเติบโตของกลุ่มเศรษฐกิจที่กำลังพัฒนาในเอเชียสำหรับปีนี้ จะชะลอตัวที่ร้อยละ 3.4 ลดลงจากระดับร้อยละ 6.3 ของเมื่อปีที่แล้ว และระดับร้อยละ 9.5 ของปี 2550.