เอเยนซี-หลังจากสื่อของทางการจีน รายงานเมื่อวันที่ 11 ม.ค.ว่า ยอดส่งออกของจีนเดือนธ.ค.2552 ขยายขึ้นร้อยละ 17.7 เทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการขยายขึ้นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน ส่งผลให้จีนมียอดรวมการส่งออกทั้งปีกว่า 1.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ แซงหน้าเยอรมนีขึ้นเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้ารายใหญ่ที่สุดของโลกไปแล้วนั้น
ล่าสุด ข้อมูลกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งรายงานเชิงวิเคราะห์เรื่อง "แนวโน้มเศรษฐกิจโลก" พบว่าภายในปี 2557 การส่งออกของจีนจะเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 12 ของการส่งออกและการค้าโลกทั้งหมด โดยคาดการณ์การส่งออกของจีนเปรียบเทียบกับ 3 ประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลก คือ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเยอรมนี
รายงานของไอเอ็มเอฟเผยแพร่ในปี 2552 ยังชี้ว่าภายในปี 2563 ส่งออกของจีนจะขยายตัวได้ประมาณร้อยละ 17 หากจีนยังใช้ภาคส่งออกเพื่อทำให้จีดีพีขยายตัวได้ร้อยละ 8 อย่างที่เคยทำช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ไอเอ็มเอฟระบุว่า ในการนี้ จีนจะต้องลดราคาสินค้าลง ซึ่งในหลายอุตสาหกรรมของจีน โดยเฉพาะเหล็กและเหล็กกล้า การแข่งขันตัดราคาทำให้กำไรที่ได้น้อยลงเรื่อยๆ และยังยากที่จะควบคุมศักยภาพการผลิต
รายงานได้ระบุในตอนท้ายด้วยการแนะนำว่า การเติบโตส่งออกจีนในอนาคต มีแนวโน้มว่าจะไม่ได้มาจากอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีอยู่ แต่มาจากการเพิ่มมูลค่าสินค้าให้มากขึ้น เช่น คอมพิวเตอร์ชิพและรถยนต์ ซึ่งเวลานี้ จีนยังได้เปรียบจากการใช้นโยบายควบคุมเงินทุน ปกป้องค่าเงินหยวน ซึ่งเชื่อว่าในที่สุด จีนก็คงต้องปล่อยค่าเงินหยวนแข็งขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
