เอเจนซี – พบเด็กประถมไต้หวัน ร้อยละ 23 อยากฆ่าตัวตาย เพราะความกดดันในโรงเรียนและปัญหาครอบครัว ขณะที่เยาวชนอายุระหว่าง 15-20 ปีประมาณร้อยละ 60 เคยคิดฆ่าตัวตาย และกว่าร้อยละ 30 ไม่มีทิศทางในชีวิต
มูลนิธิสวัสดิการเด็กในไต้หวัน ได้สำรวจกลุ่มเด็กนักเรียนประถมทั่วไต้หวัน1,547 คน เพื่อหาข้อแตกต่างระหว่างชีวิตในเมืองและชนบท โดยนักเรียนที่ทำแบบสำรวจ อยู่ในระดับการศึกษา ตั้งแต่เกรด 3-6 และมีอายุระหว่าง 10-13 ปี
ผลสำรวจที่เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ 20 พ.ย. พบว่าในขณะที่นักเรียนในชนบทมีของใช้ไม้สอยส่วนตัวน้อยกว่าเด็กเมือง แต่พวกเขามีสุขภาพจิตดีกว่า
ขณะที่นักเรียนในเมืองร้อยละ 23 มีความคิดอยากฆ่าตัวตาย และร้อยละ 38 คิดว่า “ขาดฉันไปโลกก็ไม่รู้สึกอะไร ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป" เทียบกับร้อยละ 11 ของเด็กในชนบทที่มีความคิดเกี่ยวกับการสิ้นสุดชีวิตแบบนั้น และร้อยละ 28.8 คิดเหมือนกัน "โลกยังคงเหมือนเดิม เมื่อไม่มีฉัน"
"ผลสำรวจนี้ ชี้ให้เห็นว่าเด็กในเมืองมีทัศนคติมองโลกในแง่ร้ายมากขึ้น และสุขภาพจิตของพวกเขาต้องได้รับการดูแล" หวัง หยูหมิน ผู้อำนวยการมูลนิธิกล่าว
นอกจากนี้ เมื่อสำรวจกลุ่มเยาวชนอายุระหว่าง 15-20 ปี พบว่า ประมาณร้อยละ 60 ของผู้ตอบแบบสำรวจเคยคิดฆ่าตัวตาย ในขณะที่กว่าร้อยละ 30 ไม่มีทิศทางในชีวิต เนื่องจากการขาดต้นแบบ ทั้งในบทบาทของรัฐและการสนับสนุนจากสถาบันครอบครัว นิตยสาร CommonWealth ซึ่งเป็นนิตยสารการศึกษาของไต้หวัน เป็นผู้ทำแบบสอบถามและเผยผลสำรวจนี้ ในนิตยสารฯ ฉบับล่าสุด ประจำเดือนพฤศจิกายน 2552
จากการสำรวจของนักเรียนอายุระหว่าง 15ถึง 22 ปี จำนวน 4,475 คน พบว่าส่วนใหญ่ ร้อยละ 60 มีความคิดเกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย และมีจำนวน 23 เปอร์เซ็นต์ยังย้ำคิดเรื่องนี้อยู่ หวง ฉยุน ผู้อำนวยการสำรวจกลางฯ กล่าวเมื่อวันพฤหัสฯ (19 พ.ย)
นอกจากนี้ ประมาณร้อยละ 34 ของผู้ตอบแบบสอบถาม กล่าวว่าพวกเขาไม่รู้ว่าจะเอาไงดีกับชีวิต
กว่า 5 ปีที่ผ่านมา วัยรุ่นไต้หวัน ได้สูญเสียต้นแบบบุคคลสาธารณะไป ล่าสุดนี้ หวัง หย่งชิ่ง สุดยอดนักธุรกิจไต้หวัน ก็เพิ่งจากไปเมื่อปี 2551 และวิกฤตศรัทธายิ่งทวีความรุนแรงเมื่อมีการพิจารณาคดีคอรัปชั่นของอดีตประธานธิบดี เฉิน สุยเปียน
"นี่คือยุคที่ไร้ซึ่งแบบอย่าง ปัจจุบันวัยรุ่นรู้แค่ว่า ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ให้ได้ จะอย่างไรต่อไปไม่รู้?
ความสัมพันธ์ของครอบครัวได้อ่อนแอลงในช่วงเดียวกันกับตัวเลขของเด็กต่อครัวเรือนลดลง ในขณะที่พ่อแม่ต่างออกไปทำงานนอกบ้าน เธอกล่าวและเสริมว่า "เด็กมักปกปิดภาวะความไม่มีที่พึ่งของตน ทำให้พวกเขาไม่สามารถเผชิญกับอุปสรรค์และความทุกข์ระทมได้ แม้กระทั่งต่อการตายของสัตว์เลี้ยง"
ไต้หวันมีคนฆ่าตัวตายประมาณ 4,000 คนต่อปี หรือเฉลี่ยเกือบหนึ่งคนในทุกสองชั่วโมง
