เอเอฟพี – สหรัฐฯ เตือนบิ๊กกองทัพพญามังกร ถึงเวลายุติความสัมพันธ์ ที่ไม่แน่นอนระหว่างกองทัพของ 2 ฝ่ายเสียที แต่ควรหันหน้ามาพูดคุย เพื่อขจัดความไม่เข้าใจ ขณะที่อีกฝ่ายยืนยันหนักแน่น จีนมิได้พัฒนากองทัพ เพื่อความยิ่งใหญ่
ในการหารือนาน 75 นาทีระหว่างนาย โรเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กับพลเอก สวี ไฉห่าว รองประธานคณะกรรมาธิการกลางการทหารของจีน ที่ตึกเพนตากอน อาคารสำนักงานใหญ่ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (27 ต.ค.) นายเกตส์เรียกร้องให้สหรัฐฯ และจีนกระชับความสัมพันธ์ทางการทหารระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
เขาย้ำว่า กองทัพทั้งสองควรมีการพูดคุยกันอย่างต่อเนื่องตลอดไป ซึ่งเป็นวิธีที่จำเป็นในการบอกให้อีกฝ่ายรับทราบความเห็นที่แตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องกฎหมายทางทะเล หรือเรื่องอื่น ๆ และไม่ควรให้ความไม่ลงรอยด้านนโยบาย นำไปสู่การดำเนินการ ที่อาจก่อวิกฤตการณ์ขึ้นมาได้
“ มีความจำเป็น ที่จะต้องยุติวงจรความสัมพันธ์ ที่ลังเล ไม่แน่นอนระหว่างกองทัพของเรา” โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลง โดยอ้างคำพูดของนายเกตส์
ด้านพลเอกสวีก็สนับสนุนการติดต่อ และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกองทัพทั้งสองให้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ขุนศึกแดนมังกรได้ติงว่ายังมีอุปสรรคหลายประการ ที่มาขัดขวาง เช่น กรณีสหรัฐฯ สนับสนุนไต้หวันด้านอาวุธ และการลาดตระเวนของเรือสหรัฐฯ ในเขตเศรษฐกิจเฉพาะของจีน ซึ่งยังคงดำเนินอยู่
การมาเยือนสหรัฐฯ เป็นเวลา 1 สัปดาห์ของพลเอกสวีนับเป็นความพยายามครั้งล่าสุดของจีนในการพัฒนาความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างสองชาติมหาอำนาจ ซึ่งพยายามกันมานานแล้ว แต่ไม่สำเร็จ
นอกจากนั้น ยังเป็นการมาเยือนแดนพญาอินทรี ของบุคคลในกองทัพจีนในระดับสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา นับตั้งแต่ปี 2549 และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังเป็นการเยือน ก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีบารัก โอบาม่าจะเดินทางไปเยือนแดนมังกรอย่างเป็นทางการครั้งแรกระหว่างวันที่ 15-18 พฤศจิกายนอีกด้วย
ในปีที่แล้ว จีนได้ระงับการแลกเปลี่ยนทางทหารกับวอชิงตันอยู่นานหลายเดือน เนื่องจากไม่พอใจ ที่สหรัฐฯ มีแผนขายอาวุธมูลค่า 6,500 ล้านดอลลาร์แก่ไต้หวัน อย่างไรก็ตาม จีนได้ยกเลิกการระงับดังกล่าวเมื่อต้นปี
นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายยังกำหนดเปิดการจรจากันเกี่ยวกับปฏิบัติการทางทะเลในเดือนธันวาคมนี้ จุดประสงค์ก็เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย หลังจากเกิดการเผชิญหน้าระหว่างเรือลาดตระเวนสหรัฐฯ กับเรือของกองทัพเรือจีน เมื่อต้นปี โดยพญามังกรกล่าวหาว่า เรือสหรัฐฯ ล่วงล้ำเขตเศรษฐกิจเฉพาะของตน แต่พญาอินทรีแย้งว่าเป็นเขตน่านน้ำสากล
อย่างไรก็ตาม ระหว่างการหารือครั้งนี้ บิ๊กเพนตากอนได้ชมเชย ที่จีนได้ดำเนินการ สร้างความโปร่งใสด้านงบประมาณกลาโหมมากขึ้น หลังจากสหรัฐฯ เรียกร้องมาหลายหน โดยเตือนว่า ดุลยภาพทางทหาร ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกันได้
ก่อนหน้าการเข้าพบนายเกตส์ พลเอกสวียังได้พยายามผ่อนคลายความวิตกของสหรัฐฯ เกี่ยวกับอาวุธยุทโธปกรณ์ไฮเทคของจีน โดยยืนยันว่า การปรับปรุงกองทัพจีนให้ทันสมัยถูกกำหนดขึ้นตามความจำเป็นทางทหารอย่างต่ำที่สุดแล้ว
ทั้งนี้ บิ๊กเพนตากอนเคยระบุเมื่อเดือนที่แล้วว่า อาวุธยุทโธปกรณ์ ที่พัฒนาล้ำหน้าไม่หยุดยั้งของจีน อาจบ่อนทำลายแสนยานุภาพทางทหารในมหาสมุทรแปซิฟิกได้ ขณะเดียวกันเรือบรรทุกเครื่องบิน และเครื่องบินขับไล่พิสัยใกล้ของสหรัฐฯ ก็กำลังเผชิญแนวโน้มภัยคุกคามจากระบบขีปนาวุธของจีน
ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พลเรือเอกโรเบิร์ต วิลลาร์ด ผู้บัญชาการกองเรือแปซิฟิกคนใหม่ของสหรัฐฯ ยังออกกล่าวด้วยว่า ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา กองทัพจีนได้เสริมสร้างเขี้ยวเล็บจนล้ำหน้าการประเมินของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ในแต่ละปีทีเดียว