xs
xsm
sm
md
lg

จีนเมินวิกฤตฟองสบู่ภาคอสังหา-ตลาดหุ้น เดินหน้าอัดฉีดเงินก้อนโตกระตุ้นเศรษฐกิจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเอฟพี – ปักกิ่งจะยังคงเดินหน้าใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และอัดฉีดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจจนกระทั่งภาคการผลิตฟื้นตัว แม้ว่ามีกระแสวิตกว่าจะเกิดวิกฤตฟองสบู่ในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และตลาดหุ้น ด้านนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังแขวก จีนใช้วิธีง่ายๆ สร้างภาพเศรษฐกิจคึกคักแทนที่จะแก้ปัญหาที่ฝังรากลึก

กลุ่มนักวิเคราะห์เศรษฐกิจจีนกล่าวว่า การส่งออกที่ทรุดฮวบได้ฉุดให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง ทำให้รัฐบาลปักกิ่งหันมาพึ่งราคาอสังหาริมทรัพย์และหุ้นที่ถีบตัวสูงขึ้น ในการช่วยให้เศรษฐกิจบรรลุเป้าขยายตัว 8% ต่อปี ดังนั้นพวกเขาเชื่อว่า ทางการจะยังไม่คิดพับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในขณะนี้

“ถ้อยแถลงของทางการจีนสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขาไม่สนใจว่าจะเกิดวิกฤตฟองสบู่หรือเศรษฐกิจร้อนแรงเกิน (overheating) แต่กังวลเรื่องการหาทางกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวมากกว่า” แอนดี้ โรธแมน และจูเลีย จู นักวิเคราะห์จาก CLSA กล่าวในรายงาน

ทั้งนี้เศรษฐกิจจีนไตรมาสที่ 2 ขยายตัว 7.9% หลังจากขยายตัว 6.1% ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2552

การขยายตัวของเศรษฐกิจถูกกระตุ้นโดยแพคเกจกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน (580,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งเริ่มเปิดตัวเมื่อปลายปี 2551 ตลอดจนการปล่อยกู้ของธนาคารที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 7.4 ล้านล้านหยวนในช่วงครึ่งแรกของปี

แต่ราคาอสังหาริมทรัพย์และหุ้นที่ถีบตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ก็เพิ่มความหวาดหวั่นว่าจะมีเม็ดเงินมหาศาลหลั่งไหลเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์เพื่อแสวงหาผลกำไรระยะสั้นมากกว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง

โดยช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งขึ้นสูงกว่า 60% และราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นไม่ต่ำกว่า 90% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์กลัวว่าจะเกิดวิกฤตฟองสบู่ขึ้น
นายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่า ปราศรัยในที่การประชุมประจำปี “นิว แชมเปียนส์” (new champions) ของเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ที่เมืองท่าใหญ่แห่งต้าเหลียน มณฑลเหลียวหนิงวันที่ 10 ก.ย.-ภาพเอเอฟพี
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่หน่วยงานวางแผนเศรษฐกิจตระหนักถึงความกังวลข้างต้น แต่พวกเขาก็เปิดเผยว่า ยังไม่มีแผนเปลี่ยนแปลงยุทธวิธีในเร็วๆ นี้ ดังเช่นที่นายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่า กล่าวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาระหว่างการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่มว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนยังคงเปราะบาง ฉะนั้น การพิจารณาทบทวนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ใช้อยู่ในขณะนี้ จึงเป็นเรื่องเร็วเกินไป

ขณะที่ ซู หนิง รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศจีนก็ย้ำว่า นโยบายทางการเงินจะยังคงคล่องตัวไปจนกระทั่งถึงปลายปี 2553

ข้อมูลตัวเลขล่าสุดเมื่อเดือนสิงหาคมสะท้อนให้เห็นว่า มาตรการอัดฉีดเงินของรัฐบาลกำลังสัมฤทธิ์ผล ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรที่คงที่ ยอดค้าปลีกที่ปรับตัวขึ้น ตลอดจนการฟื้นตัวของสินเชื่อธนาคารที่ตกฮวบลงเมื่อเดือนกรกฎาคม แต่ภาคการส่งออก ซึ่งเป็นหัวจักรสำคัญของเศรษฐกิจจีน ยังคงตกฮวบอย่างต่อเนื่องในช่วง 8 เดือนแรกของปี

ซึ่ง ไมเคิล เคิร์ซ นักวิเคราะห์จากบริษัท แมคไกวร์ อิควิตี้ส์ในเซี่ยงไฮ้ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลจะพึ่งพาตลาดอสังหาริมทรัพย์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจนกว่าภาคการส่งออกจะฟื้นตัว

พร้อมระบุว่า “องค์กรวางแผนนโยบายรู้ดีว่าการตัดสินใจของพวกเขาอาจส่งผลให้เกิดวิกฤตฟองสบู่ และพยายาม ‘กำกับ’ การลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดหุ้นให้อยู่ในกรอบมากขึ้น”

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (18 ก.ย.) หลิว หมิงคัง ประธานคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการธนาคารได้แถลงว่า ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี นำมาซึ่งความเสี่ยงต่างๆ

ขณะที่ แอนดี้ เซี่ย นักเศรษฐศาสตร์อิสระในเซี่ยงไฮ้ เตือนว่า มาตรการของรัฐบาลจะสร้าง “ฟองสบู่ขนาดใหญ่” ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเซี่ยให้ข้อมูลเสริมว่า “ปัจจุบันราคาอสังหาริมทรัพย์เฉลี่ยต่อตารางเมตรในเขตเมืองของจีนเทียบเท่ากับในสหรัฐฯ แต่รายได้ต่อหัวของชาวสหรัฐฯ สูงกว่ารายได้ของคนจีนในเมืองถึง 7 เท่า”

พร้อมเตือนว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังเลือกวิธีง่ายๆ ในการกระตุ้นราคาสินทรัพย์เพื่อสร้าง “ความรู้สึกว่าเศรษฐกิจกำลังไปได้สวย” มากกว่าการแก้ปัญหาความไม่สมดุลทางโครงสร้างในเศรษฐกิจจีน

“ในระยะสั้น ดูเหมือนทุกคนกำลังได้ชัยชนะ และเหตุผลที่รัฐบาลทำเช่นนี้ ก็เพราะว่าเป็นเรื่องยากที่จะปฏิรูประบบเศรษฐกิจปัจจุบันที่พึ่งพาการส่งออกในการขยายตัว” เซี่ยกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น