เอเอฟพี – มหันตภัยไต้ฝุ่นมรกตถล่มภาคท่องเที่ยว-เกษตรกรรมไต้หวันเสียหายยับ ด้านผู้เชี่ยวชาญเชื่อไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมหนักเท่าครั้งเจอแผ่นดินไหวถล่ม เนื่องจากภาคทั้งสองไม่ได้ครองส่วนแบ่งใหญ่ในจีดีพี
ไต้ฝุ่นมรกตได้พัดถล่มไต้หวันเมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมาและอิทธิพลของพายุทำให้เกิดฝนตกหนักวัดปริมาณได้กว่า 3 เมตร ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมและโคลนถล่มสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อบ้านเรือนประชาชน รวมถึงสะพานที่ถล่มลงมา และถนนหนทางที่ถูกตัดขาด
ซึ่งประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่วก็ได้ออกมาแถลงการณ์ขอโทษประชาชนที่ให้ความช่วยเหลือล่าช้า จนเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ พร้อมทั้งเตือนว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตอาจพุ่งขึ้นกว่า 500คน
ด้านหลิว เจ้าเสวียน นายกรัฐมนตรีไต้หวันแถลงเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วว่า ภัยธรรมชาติครั้งนี้ได้ทำลายบ้านเรือน ไร่นา และสาธารณูปโภคต่างๆ ไปเป็นจำนวนมาก คาดอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสูงถึง 110,000 ล้านเหรียญไต้หวัน
แต่หลิวเปิดเผยว่าคณะรัฐมนตรีได้เตรียมยื่นเรื่องต่อรัฐสภาในการของบประมาณพิเศษเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและซ่อมแซมส่วนที่เสียหายแล้ว
ส่วนภาคเกษตรกรรมและท่องเที่ยวนั้น มาร์ส ซู นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์แกรนด์ คาเธย์มองว่า ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากไต้ฝุ่น
“อย่างไรก็ตาม เนื่องจากภาคทั้งสองไม่ได้ครองส่วนแบ่งใหญ่ในผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพีของจีน ดังนั้นผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจไต้หวันไม่น่าจะรุนแรงอย่างที่บางคนกลัว”
ความเสียหายจากไต้ฝุ่นมรกตในช่วง 9 วันที่ผ่านมา อาจส่งผลให้จีดีพีของไต้หวันช่วงไตรมาสที่ 3 ลดลงร้อยละ 0.53 และอาจส่งผลให้จีดีพีตลอดทั้งปีลดลงเพิ่มอีกร้อยละ 0.13 จากที่เคยคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะลดลง 2.5% ตามการคาดการณ์ของซิโนแพค โฮลดิ้ง
อย่างไรก็ตาม อเล็กซ์ หวง จากบริษัทเมกะ อินเตอร์เนชั่นแนล อินเวสต์เม้นท์ เซอร์วิสมองว่า ภาคธุรกิจอื่นๆ ของไต้หวันมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวและชดเชยความเสียหายที่เกิดจากไต้ฝุ่นได้
“ทุกสัญญาณไม่ว่าจะเป็นการส่งออกและการเกินดุลการค้าชี้ว่า เศรษฐกิจภายในไต้หวันกำลังมีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้น” หวงกล่าว
เช่นเดียวกับรายงานของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจจงหวาที่ระบุก่อนหน้านี้ว่า เศรษฐกิจของไต้หวันคาดว่าจะก้าวพ้นจากสภาวะถดถอยในไตรมาสที่ 4 เนื่องจากภาคส่งออกฟื้นตัว
สำหรับความเสียหายของภาคเกษตรกรรมนั้น สภาเกษตรกรรมคาดว่า อาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างน้อย 12,200 ล้านเหรียญไต้หวัน อย่างไรก็ตามตัวเลขความเสียหายยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นรายวัน และอาจพุ่งสูงใกล้เคียงกับเมื่อครั้งไต้ฝุ่นเฮิร์บถล่มไต้หวันในปี 2539 สร้างความเสียหายให้แก่ภาคเกษตรกรรมรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ไต้หวันถึง 18,800 ล้านเหรียญ
ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่นๆ ของไต้หวัน อาทิ เขาอาลีซัน ก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากอุทกภัยและแผ่นดินถล่ม มาร์ส ซู นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์แกรนด์ คาเธย์กล่าว
นอกจากนี้ภาคธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารยังได้รับความเสียหายมากกว่า 100 ล้านเหรียญไต้หวัน อาจต้องใช้เวลาถึง 2 ปีกว่าสาธารณูปโภคสำคัญจะได้รับการฟื้นฟูเหมือนเดิม และต้องใช้เวลาราว 1 ปี งบประมาณอีก 800 ล้านเหรียญไต้หวันในการซ่อมแซมทางรถไฟ
อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ว่าไต้ฝุ่นมรกตครั้งนี้โจมตีพื้นที่เขตภูเขาที่ห่างไกล ไม่ใช่เขตอุตสาหกรรมของไต้หวัน ก็ทำให้ซูมองว่า จะไม่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจที่เน้นการส่งออกของไต้หวันมากนัก
“นิคมอุตสาหกรรมสำคัญของไต้หวันยังคงปลอดภัยในช่วงที่เกิดไต้ฝุ่น ขณะที่ภาคส่งออกไม่น่าจะได้รับผลกระทบ ไม่เหมือนช่วงที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อปี 2542” เขากล่าว
โดยเหตุแผ่นดินไหวที่ซูกล่าวถึงนั้น เป็นภัยธรรมชาติครั้งรุนแรงสุดในประวัติศาสตร์ของไต้หวัน ด้วยแรงสั่นสะเทือนถึง 7.6 ริกเตอร์ ซึ่งสร้างความเสียหายแก่นิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งอย่างรุนแรง
ในระหว่างนั้น อุตสาหกรรมอย่าง เหล็ก ซีเมนต์ และการก่อสร้างเป็นกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์จากภัยธรรมชาติ เนื่องจากประธานาธิบดีได้ให้คำมั่นที่จะช่วยเหลือประชาชนให้กลับมาดำรงชีวิตตามปกติสุขให้เร็วที่สุด ซูกล่าว