但愿人长久
ศิลปิน : เติ้งลี่จวิน
明月几时有
ming yue ji shi you
หมิง เยี่ยว์ จี่ สือ โหยว
จันทร์กระจ่างฟ้าจักมีในยามใด
把酒问青天
ba jiu wen qing tian
ป่า จิ่ว เวิ่น ชิง เทียน
ยกจอกสุราขึ้นถามต่อฟ้า
不知天上宫阙 今昔是何年
bu zhi tian shang gong que jin xi shi he nian
ปู้ จือ เทียน ซั่ง กง เชี่ยว์ จิน ซี ซื่อ เหอ เหนียน
ไม่อาจรู้ ว่าวิมานบนสรวงสวรรค์ ณ ยามนี้เป็นปีไหน
我欲乘风归去
wo yu cheng feng gui qu
หว่อ อี้ว์ เฉิง เฟิง กุย ชี่ว์
ข้าใคร่โดยสารวายุกลับไป
唯恐琼楼玉宇
wei kong qiong lou yu yu
เหวย ข่ง ฉยง โหลว อี้ว์ อี๋ว์
แต่เกรงวิมานหยกอันงดงาม
高处不胜寒 起舞弄清影
gao chu bu sheng han qi wu nong qing ying
เกา ชู่ ปู๋ เซิ่ง หาน ฉี อู่ น่ง ชิง อิ่ง
ยิ่งสูงยิ่งเหน็บหนาว ร่ายรำเพื่อสร้างเพียงรูปเงาเสมือน
何似在人间
he si zai ren jian
เหอ ซื่อ ไจ้ เหริน(เหยิน) เจียน
ไหนเลยเทียบได้กับโลกมนุษย์
* 转朱阁 低绮户 照无眠
zhuan zhu ge di qi hu zhao wu mian
จ่วน จู เก๋อ ตี ฉี่ หู้ เจ้า อู๋ เหมี่ยน
เดือนเคลื่อนคล้อยสาดแสงแดงชาดจนผู้คนมิอาจหลับใหล
不应有恨 何事长向别时圆 (别时圆)
bu ying you hen he shi chang xiang bie shi yuan
ปู้ อิง โหย่ว เฮิ่น เหอ ซื่อ ฉาง เซี่ยง เปี๋ย สือ หยวน
ไม่ควรคั่งแค้นไม่ว่าเรื่องใด เมื่อห่างกันไกลต่างคลี่คลาย
人有悲欢离合
ren you bei huan li he
เหริน(เหยิน) โหย่ว เปย ฮวน หลี่ เหอ
อันมนุษย์ล้วนมี สุข-ทุกข์ พบ-พราก
月有阴晴圆缺
yue you yin qing yuan que
เยี่ยว์ โหย่ว ยิน ฉิง หย่วน เชียว์
ดั่งเดือนขึ้น-แรม เต็มดวงหรือเพียงเสี้ยว
此事古难全 但愿人长久 千里共婵娟**
ci shi gu nan quan dan yuan ren chang jiu qian li gong chan juan
สือ ซื่อ กู่ น่าน ฉวน ต้าน ย่วน เหริน(เหยิน) ฉาง จิ่ว เชียน หลี่ ก้ง ฉ่าน จวน
เป็นเช่นนี้มาเนิ่นนาน เพียงหวังให้คนห่างไกลมีชีวิตยืนยาว ในพันลี้ได้ร่วมชมแสงจันทร์กระจ่างด้วยกัน
ซ้ำ * - **
บทเพลงนี้ เดิมเป็บทร้อยแก้ว (词) ซึ่งเป็นลักษณะของบทประพันธ์ที่นิยมในสมัยซ่ง แต่งขึ้นในกลางฤดูใบไม้ร่วงในรัชสมัยของฮ่องเต้ซ่งเสินจง แห่งราชวงศ์ซ่ง โดยผู้ประพันธ์คือ ซูซื่อ หรือนามที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางคือ “ซูตงโพ” โดยในช่วงเวลาดังกล่าว ซูซื่อมีความเห็นขัดแย้งกับขุนนางหวังอันซื่อ และพรรคพวก ซึ่งต้องการจะปฏิรูปการปกครอง ซูซื่อจึงถูกย้ายไปรับราชการยังชายแดนที่ห่างไกล หลายครั้งหลายแห่ง เขาเคยขอย้ายไปรับราชการยังเมืองเดียวกับซูเจ๋อผู้เป็นน้องชาย แต่ก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายเขาถูกย้ายไปรับราชการยังเมืองมี่โจว
ในเทศการไหว้พระจันทร์กลางฤดูใบไม้ร่วงของปีค.ศ. 1076 ซูซื่อที่เพิ่งสูญเสียภรรยา และต้องพัดพรากกับครอบครัวในวันที่ชาวจีนเชื่อกันว่าครอบครัวควรอยู่พร้อมหน้า ทำให้เขาประพันธ์บทร้อยแก้วที่มีชื่อเสียงบทหนึ่งขึ้นมา ซึ่งสะท้อนความรู้สึกที่ซับซ้อนในจิตใจเขาได้เป็นอย่างดี ว่าไม่พอใจกับสถานการณ์ที่การเมืองยังคงไม่มั่นคง สิ้นหวัง ทั้งตนเองต้องหากจากครอบครัวพี่น้อง แต่กระนั้นในบทประพันธ์นี้ ก็ยังคงสอดแทรกความรู้สึกทนุถนอมชีวิต เห็นคุณค่าของชีวิตและยังมีจิตใจที่แจ่มใสอยู่ด้วย ดังเช่นในตอนหนึ่งที่กล่าวว่า
“不知天上宫阙 今昔是何年
我欲乘风归去 又恐琼楼玉宇
高处不胜寒 起舞弄清影 何似在人间”
“...ไม่ทราบว่าในวิมานแห่งสรวงสวรรค์ ณ ตอนนี้เป็นปีไหน
ข้าใคร่โดยสารวายุกลับไป แต่เกรงวิมานหยกอันงดงาม สูงลิบกระทั่งหนาวเย็น
ร่ายรำเพื่อสร้างเพียงรูปเงาเสมือน ไหนเลยเทียบได้กับโลกมนุษย์...”