เมื่อสัปดาห์ที่แล้วอู่วัฒนธรรมพาทุกท่านไปรู้จักกับ เหมย หลันฟัง ปรมาจารย์งิ้วปักกิ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นนักแสดงงิ้วตัวนางระดับตำนานกันมาแล้ว สัปดาห์นี้ขอเว่ากันด้วยเรื่องงิ้วต่อเลยแล้วกัน...
งิ้ว หรือ อุปรากรจีนเป็นศิลปะที่มีความหลากหลายทั้งการร้องเพลง การแสดงลีลาท่าทาง ระบำรำฟ้อน แต่ทั้งหมดก็สามารถผสมผสานกันได้อย่างลงตัว งิ้วเริ่มมีขึ้นในสมัยราชวงศ์ซ่งใต้ (ค.ศ.1179-1276) ในขณะนั้นการแสดงเป็นไปแบบมีบทพูดเป็นโคลงกลอดสลับร้อง โดยมีการวงเครื่องดีดสีตีเป่าประกอบการแสดง จนกระทั่งในสมัยราชวงศ์ชิงจึงเกิดเป็น “งิ้วปักกิ่ง” ซึ่งถือว่าเป็นศิลปะประจำชาติ และมีความโดดเด่นมาก เพราะเป็นการแสดงที่เอาความเด่นของงิ้วทุกชนิดมารวมเข้าด้วยกัน
ด้วยความที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ถึงขนาดองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ยกย่องให้งิ้วเป็น “มรดกโลก” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายและการแต่งหน้าที่แตกต่างกันไปจะบ่งบอกถึงบุคลิกอุปนิสัยของตัวละครแล้ว การเคลื่อนไหวแสดงท่าทางต่างๆ ก็เป็นการบ่งบอกถึงบทบาทและอารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป เช่น นักแสดงตัวนางก็จะทำมืออย่างที่เรียกว่า “นิ้วกล้วยไม้” เพราะว่าลักษณะคล้ายดอกไม้ โดยเหมย หลันฟัง หนึ่งในนักแสดงอุปรากรงิ้วผักกิ่งที่มีชื่อเสียงได้พัฒนาและคิดค้นรูปแบบนิ้วสวยๆ หลายรูปแบบ รวมทั้งสีสันในการแต่งหน้าแต่งตาด้วย แฟนงิ้วในต่างประเทศเคยพูดว่า นิ้วมือของเขาสวยและมีเสน่ห์มาก
นักแสดงงิ้วปักกิ่งเคลื่อนไหวมือของพวกเขา เช่น ลูบเครา ขยับหมวก สะบัดแขนเสื้อขณะสาวเท้า ซึ่งเหล่านี้ล้วนบ่งบอกได้ถึงอารมณ์ของตัวละคร ร่างกายสั่นระริกบ่งบอกถึงความรู้สึกโกรธ กระตุกแขนเสื้อแสดงความถึงความรู้สึกรังเกียจ หากนักแสดงชายเหวี่ยงมือเหนือศีรษะ และกระตุกแขนเสื้อกลับ แสดงว่าเขารู้สึกประหลาดใจ แต่ะเมื่อตัวนางกำลังรู้สึกเขินอาย ก็จะยกแขนเสื้อขึ้นหนึ่งขึ้นมาปิดหน้า
หากนักแสดงกำลังครุ่นคิดแผนการ พวกเขาก็จะสั่นนิ้วสั่นมืออยู่ข้างตัว และเมื่อคิดแผนออก ก็จะทุบกำปั้นลงบนฝ่ามือข้างหนึ่ง หากรู้สึกกังวลใจก็จะเอามือทั้งสองข้างถูกันไปมา เป็นต้น
การแสดงท่าทางถือว่ามีความสำคัญอย่างหนึ่งในการแสดงงิ้ว แม้แต่เหมย หลันฟัง นักแสดงงิ้วผู้มีชื่อเสียงก็ยังเคยมีประสบการณ์ที่สอนให้เขารอบคอบในการแสดงท่าทางบินเวที
มีอยู่ครั้งหนึ่งขณะเขากำลังแสดงงิ้วอยู่นั้น ผู้ชมหลายคนต่างชื่นชมในการแสดงของเขาพากันตะโกนชื่นชม มีเพียงชายชราคนหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านหลังตะโกนขึ้นมาว่า “ไม่ดี” เหมย หลันฟัง ได้ยินให้รู้สึกสงสัยยิ่ง เพราะเขาแสดงงิ้วมาหลายปีเพียงนี้ ยังไม่เคยมีใครบอกว่าไม่ดี ดังนั้นหลังจบการแสดงเหมย หลันฟังจึงได้เข้าไปคุยกับชายชราผู้นั้น
ซึ่งชายชราเมื่อเห็นว่าเหมย หลันฟัง เข้ามาขอคำชี้แนะอย่างนอบน้อม จึงตอบกลับไปว่า “ท่าแสดงการขึ้นลงบันไดนั้น ขึ้น 7 ลง 8 แต่ทำไมคุณถึงขึ้น 8 ลง 8 เล่า” เมื่อเหมย หลันฟังได้ยินดังนั้น ก็รู้ว่าตัวเองผิดจริง จึงได้ขอบคุณชายชราผู้นั้น และนับจากนั้นมาเหมย หลันฟังก็จะเชิญชายชรา ซึ่งเขาถือว่าเป็นอาจารย์ผู้ชี้แนะ มาชมการแสดงของเขาเสมอ
นิ้วรูปแบบต่างๆ
รูปที่ 1 – “ต่อสู้ด้วยดาบ” อี้ว์ จี จะใช้ท่านี้เมื่อตอนที่เธอแสดงท่ารำดาบในเรื่อง Farewell My Concubine
รูปที่ 2 – “ชี้นิ้วเป็นวง” เจ้า เหยียนหรง ใช้ท่านี้เมื่อถึงบทพูดว่าว่า “ฉันกำลังจะขึ้นสวรรค์” ในเรื่อง Beauty Defies Tyranny
รูปที่ 3 - “แบมือ” นักแสดงชายจะใช้ท่านี้ในฉากต่อสู้
รูปที่ 4 – “นิ้วกล้วยไม้” เป็นลักษณะนิ้วของนักแสดงหญิง เพื่อตอกย้ำความเป็นหญิงของพวกเธอ
รูปที่ 5 – “ท่าถือพัดคว่ำ” หยาง อี้ว์หวน (หยางกุ้ยเฟย) ใช้นิ้วแบบนี้เมื่อนางถือพัดในเรื่อง The Drunken Beauty
รูปที่ 6 – “กำหมัด” ก็ใช้ในฉากต่อสู้เช่นกัน