เอเจนซี –สื่อรัฐบาลจีนแฉ ริโอ ทินโตติดสินบนเจ้าหน้าที่โรงถลุงเหล็ก 16 แห่ง เพื่อให้ได้ข้อมูลลับการเจรจาราคาแร่เหล็ก หากไม่รับข้อเสนอก็จะตัดซับพลายแร่เหล็ก ขณะนักวิเคราะห์เชื่อ เบื้องหลังจับกุม 4 ผู้บริหาริโอฯ บ่งชี้จีนต้องการคุมเกมในราคาแร่เหล็ก
แม้ว่าหนึ่งในผู้เจรจาราคาแร่เหล็กจากบริษัทริโอ ทินโต ได้ถูกทางการจีนจับกุมตัวไปเมื่อวันที่ 5 ก.ค.แต่การเจรจากำหนดราคาสินแร่เหล็กระหว่างโรงถลุงเหล็กจากจีนกับประเทศผู้ผลิตแร่เหล็กก็ดำเนินต่อไป โดยนายเหยา เจี้ยน โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน เผยกับผู้สื่อข่าวว่า การที่ราคาแร่เหล็กยังคงสูงขี้นเรื่อยๆ ทำให้บรรดาโรงถลุงเหล็กของจีนที่นำโดยสมาคมโรงถลุงเหล็ก ต้องต่อรองแร่เหล็กมีราคาสมเหตุสมผล
ขณะเดียวกัน บทความในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของรัฐบาลจีน ไชน่า เดลี่ ฉบับวันพุธ (15 ก.ค.) ได้ระบุโดยอ้างแหล่งข่าวนิรนามในวงการอุตสาหกรรม ว่าบริษัทริโอ ทินโต เหมืองแร่ยักษ์ใหญ่จากออสเตรเลียติดสินบนผู้บริหารโรงงานถลุงเหล็กใหญ่ๆ 16 แห่งที่มีหน้าที่เจรจากับบริษัทผู้ผลิตต่างชาติ เพื่อล้วงข้อมูลลับเกี่ยวกับการเจรจาราคาสินแร่เหล็ก
“หากบริษัทเหล่านั้นไม่รับสินบน ก็จะถูกตัดซัพพลายแร่เหล็ก ทำให้โรงงานถลุงเหล็กทั้งหมดยอมรับสินบน” บทความของไชน่า เดลี่ ระบุ
ขณะเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (14 ก.ค.) สื่อในจีนหลายๆ ฉบับได้รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวนิรนามว่า ผู้บริหารของโรงถลุงเหล็กหลายแห่งถูกทางการเรียกตัวไปสอบปากคำ แต่ข่าวนี้ก็ยังไม่ได้รับการยืนยันจากฝ่ายใด
นายสเติร์น หู ผู้บริหารชาวออสเตรเลียนของริโอ ทินโต พร้อมด้วยผู้ร่วมงานชาวจีนอีก 3 ราย ถูกหน่วยต่อต้านการจารกรรมข้อมูลของจีนจับกุมตัวในนครเซี่ยงไฮ้เมื่อวันที่ 5 ก.ค. และนำตัวไปสอบปากคำในทันที หลังจากนั้น ทางการจีนก็ตั้งข้อหาแก่ 4 ผู้บริหารของริโอฯ ว่ามีความผิดฐานขโมยข้อมูลลับทางราชการ และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อประเทศจีน
การจับกุมพนักงานของริโอฯ เกิดขึ้นขณะที่จีนกำลังพยายามเพิ่มอำนาจต่อรองการเจรจากำหนดราคากับผู้ผลิตแร่เหล็กจากหลายๆ ชาติ แต่ นายฉิน กัง โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน ยืนยันว่าการจับกุมในครั้งนี้ไม่มีนัยะแอบแฝงใดๆ เพราะจีนจะไม่นำกิจการระหว่างประเทศเข้าไปในประเทศ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายมองว่า การสอบปากคำผู้บริหารของริโอฯ “เป็นสัญญาณโดยตรงที่รุนแรงที่สุดจากทางการจีน ในความพยายามควบคุมการเจรจาราคาแร่เหล็ก” เหริน เซี่ยงฝาน จากบริษัทวิจัย IHS Global Insight ระบุ
นักวิเคราะห์ระบุด้วยว่า รัฐบาลจีนต้องการให้โรงถลุงเหล็กรายย่อยรวมตัวกัน เพื่อสร้างอำนาจต่อรองในการเจรจากำหนดราคาสินแร่เหล็ก แต่ดูล้มเหลว เพราะความต้องการเหล็กกล้ายังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ ในภาวะที่เศรษฐกิจจีนกำลังฟื้นตัว
“ในปีนี้จีนคาดหวังจะมีเสียงดังบนโต๊ะเจรจา และก็กำลังพิจารณาลดจำนวนโรงถลุงเหล็กที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าแร่เหล็ก จากที่มีอยู่ในขณะนี้ 112 ราย เมื่อปริมาณโรงถลุงเหล็กมีน้อยลง ทางการก็จะควบคุมได้ง่าย” นั่นคือความเห็นจาก นายโหว จื้อหยุน นักวิเคราะห์จาก Beijing Lange Steel Information Research Center
ขณะที่ มิชเชล แอปเปิ้ลบาม นักวิเคราะห์จาก Steel Market Alliance ในชิคาโก มองว่า จุดยืนที่แข็งของจีนจะส่งผลในทางกลับกัน โดยผู้ผลิตจะลดปริมาณการขายแร่เหล็กให้แก่จีน และหันไปเจรจากับลูกค้ารายอื่นที่พร้อมจะจ่ายในราคาที่ตกลงกันไว้
ซึ่งก็สอดคล้องกับ ชุย จิ้งอี๋ นักวิเคราะห์จาก Guotai Junan Securities ในเซี่ยงไฮ้ ที่มองว่า จีนอาจจะต้องซื้อแร่เหล็กในราคาเดียวกับญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
อย่างไรก็ตาม สี่ว์ จงป๋อ ประธานบริษัท Beijing Metal Consulting กลับเห็นว่า ถึงที่สุดแล้วจีนจะซื้อแร่เหล็กได้ในราคาที่ต้องการ แต่ต้องรออีก 2-3 เดือน
“ประมาณเดือนกันยายนและตุลาคมจะเกิดปัญหาแร่เหล็กล้นตลาด ซึ่งจะทำให้เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องมีราคาลดลง และอย่าลืมว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกยังมีอยู่ และยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นตัว”
แม้ว่าหนึ่งในผู้เจรจาราคาแร่เหล็กจากบริษัทริโอ ทินโต ได้ถูกทางการจีนจับกุมตัวไปเมื่อวันที่ 5 ก.ค.แต่การเจรจากำหนดราคาสินแร่เหล็กระหว่างโรงถลุงเหล็กจากจีนกับประเทศผู้ผลิตแร่เหล็กก็ดำเนินต่อไป โดยนายเหยา เจี้ยน โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน เผยกับผู้สื่อข่าวว่า การที่ราคาแร่เหล็กยังคงสูงขี้นเรื่อยๆ ทำให้บรรดาโรงถลุงเหล็กของจีนที่นำโดยสมาคมโรงถลุงเหล็ก ต้องต่อรองแร่เหล็กมีราคาสมเหตุสมผล
ขณะเดียวกัน บทความในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของรัฐบาลจีน ไชน่า เดลี่ ฉบับวันพุธ (15 ก.ค.) ได้ระบุโดยอ้างแหล่งข่าวนิรนามในวงการอุตสาหกรรม ว่าบริษัทริโอ ทินโต เหมืองแร่ยักษ์ใหญ่จากออสเตรเลียติดสินบนผู้บริหารโรงงานถลุงเหล็กใหญ่ๆ 16 แห่งที่มีหน้าที่เจรจากับบริษัทผู้ผลิตต่างชาติ เพื่อล้วงข้อมูลลับเกี่ยวกับการเจรจาราคาสินแร่เหล็ก
“หากบริษัทเหล่านั้นไม่รับสินบน ก็จะถูกตัดซัพพลายแร่เหล็ก ทำให้โรงงานถลุงเหล็กทั้งหมดยอมรับสินบน” บทความของไชน่า เดลี่ ระบุ
ขณะเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (14 ก.ค.) สื่อในจีนหลายๆ ฉบับได้รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวนิรนามว่า ผู้บริหารของโรงถลุงเหล็กหลายแห่งถูกทางการเรียกตัวไปสอบปากคำ แต่ข่าวนี้ก็ยังไม่ได้รับการยืนยันจากฝ่ายใด
นายสเติร์น หู ผู้บริหารชาวออสเตรเลียนของริโอ ทินโต พร้อมด้วยผู้ร่วมงานชาวจีนอีก 3 ราย ถูกหน่วยต่อต้านการจารกรรมข้อมูลของจีนจับกุมตัวในนครเซี่ยงไฮ้เมื่อวันที่ 5 ก.ค. และนำตัวไปสอบปากคำในทันที หลังจากนั้น ทางการจีนก็ตั้งข้อหาแก่ 4 ผู้บริหารของริโอฯ ว่ามีความผิดฐานขโมยข้อมูลลับทางราชการ และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อประเทศจีน
การจับกุมพนักงานของริโอฯ เกิดขึ้นขณะที่จีนกำลังพยายามเพิ่มอำนาจต่อรองการเจรจากำหนดราคากับผู้ผลิตแร่เหล็กจากหลายๆ ชาติ แต่ นายฉิน กัง โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน ยืนยันว่าการจับกุมในครั้งนี้ไม่มีนัยะแอบแฝงใดๆ เพราะจีนจะไม่นำกิจการระหว่างประเทศเข้าไปในประเทศ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายมองว่า การสอบปากคำผู้บริหารของริโอฯ “เป็นสัญญาณโดยตรงที่รุนแรงที่สุดจากทางการจีน ในความพยายามควบคุมการเจรจาราคาแร่เหล็ก” เหริน เซี่ยงฝาน จากบริษัทวิจัย IHS Global Insight ระบุ
นักวิเคราะห์ระบุด้วยว่า รัฐบาลจีนต้องการให้โรงถลุงเหล็กรายย่อยรวมตัวกัน เพื่อสร้างอำนาจต่อรองในการเจรจากำหนดราคาสินแร่เหล็ก แต่ดูล้มเหลว เพราะความต้องการเหล็กกล้ายังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ ในภาวะที่เศรษฐกิจจีนกำลังฟื้นตัว
“ในปีนี้จีนคาดหวังจะมีเสียงดังบนโต๊ะเจรจา และก็กำลังพิจารณาลดจำนวนโรงถลุงเหล็กที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าแร่เหล็ก จากที่มีอยู่ในขณะนี้ 112 ราย เมื่อปริมาณโรงถลุงเหล็กมีน้อยลง ทางการก็จะควบคุมได้ง่าย” นั่นคือความเห็นจาก นายโหว จื้อหยุน นักวิเคราะห์จาก Beijing Lange Steel Information Research Center
ขณะที่ มิชเชล แอปเปิ้ลบาม นักวิเคราะห์จาก Steel Market Alliance ในชิคาโก มองว่า จุดยืนที่แข็งของจีนจะส่งผลในทางกลับกัน โดยผู้ผลิตจะลดปริมาณการขายแร่เหล็กให้แก่จีน และหันไปเจรจากับลูกค้ารายอื่นที่พร้อมจะจ่ายในราคาที่ตกลงกันไว้
ซึ่งก็สอดคล้องกับ ชุย จิ้งอี๋ นักวิเคราะห์จาก Guotai Junan Securities ในเซี่ยงไฮ้ ที่มองว่า จีนอาจจะต้องซื้อแร่เหล็กในราคาเดียวกับญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
อย่างไรก็ตาม สี่ว์ จงป๋อ ประธานบริษัท Beijing Metal Consulting กลับเห็นว่า ถึงที่สุดแล้วจีนจะซื้อแร่เหล็กได้ในราคาที่ต้องการ แต่ต้องรออีก 2-3 เดือน
“ประมาณเดือนกันยายนและตุลาคมจะเกิดปัญหาแร่เหล็กล้นตลาด ซึ่งจะทำให้เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องมีราคาลดลง และอย่าลืมว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกยังมีอยู่ และยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นตัว”
