เอเอฟพี – ทะไล ลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณของทิเบตกล่าวหาจีนสังหารประชาชนของตนนับแสนคน เปลี่ยนดินแดนหิมาลัยให้กลายเป็น “นรกบนดิน” พร้อมย้ำจุดยืนเดิม เพียงต้องการอำนาจปกครองตนเองมากขึ้น ไม่ได้ประสงค์แยกตัวเป็นอิสระจากแผ่นดินใหญ่
วันนี้ (10 มี.ค.) ในวาระครบรอบ 50 ปีของเหตุการณ์ชาวทิเบตลุกฮือขึ้นต่อต้านการปกครองจีนแต่ล้มเหลว จนเป็นเหตุให้องค์ทะไล ลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณของทิเบตต้องลี้ภัยไปอินเดีย ทะไล ลามะองค์ที่ 14 ได้กล่าวแก่กลุ่มผู้สนับสนุนด้านนอกวัดทิเบตในธรรมศาลาของอินเดีย โดยย้ำจุดยืนว่า เพียงต้องการอำนาจปกครองตัวเอง “ที่ถูกต้องตามกฎหมายและมีความหมายมากขึ้น” เหนือดินแดนหลังคาโลก แต่ไม่ได้ต้องการแยกตัวเป็นเอกราชจากจีน
นอกจากนี้ ทะไล ลามะ ยังได้กล่าวถึงการทารุณกรรมชาวทิเบตของจีนหลังจากรัฐบาลคอมมิวนิสต์บุกเข้ายึดครองดินแดนหลังคาโลกเป็นต้นมา
“รัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนได้กดขี่และกระทำรุนแรงต่างๆ นานา ผลักไสชาวทิเบตตกสู่ห้วงแห่งความทรมานและความยากลำบาก ทำให้พวกเขาต้องพบเจอกับ “นรกบนดิน” ผลจากการกระทำเหล่านี้นำมาซึ่งการสูญเสียชีวิตของชาวทิเบตนับแสนคน จนถึงทุกวันนี้ชาวทิเบตก็ยังใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัว ศาสนา วัฒนธรรม ภาษา เอกลักษณ์ของพวกเขาใกล้จะสูญสิ้นแล้ว ชาวทิเบตถูกมองเหมือนเป็นอาชญากร สมควรตาย”
โดยกองทัพจีนได้กรีฑาทัพเข้าสู่ทิเบต ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เมื่อพ.ศ.2493 (ค.ศ.1950) และบดขยี้กลุ่มต่อต้านชนชาติทิเบตที่จับอาวุธขึ้นสู้ได้อย่างง่ายดาย อ้างเป็นการ “ปลดแอก” ชาวทิเบตจากระบบศักดินาและสังคมทาส จนมาในปี 2502 (1959) ชาวทิเบตได้ลุกฮือขึ้นต่อต้านการปกครองจีน แต่ก็ล้มเหลว กระทั่งทะไล ลามะต้องลี้ภัยมายังอินเดีย
และเมื่อวันที่ 14 มีนาคมปีที่แล้ว ก็ยังเกิดเหตุจลาจลในกรุงลาซา ซึ่งเป็นการปะทะกันระหว่างกลุ่มเรียกร้องอิสรภาพทิเบตและกองกำลังปราบปรามความวุ่นวายในจีน และลุกลามไปยังมณฑลใกล้เคียงอย่างชิงไห่ เสฉวน และหยุนหนัน จากเหตุการณ์ปะทะกันครั้งนั้นรัฐบาลจีนระบุมีผู้เสียชีวิตเพียง 21 ราย ขณะที่ทางฝ่ายรัฐบาลพลัดถิ่นระบุยอดผู้เสียชีวิตกว่า 200 คน
ต่อถ้อยแถลงของผู้นำทางจิตวิญญาณทิเบตข้างต้นนั้น ในวันเดียวทางการจีนได้ออกมาตอบโต้ว่า สิ่งที่ทะไล ลามะ กล่าวเป็น “เรื่องโกหก” และยืนยันว่า ทิเบตจะไปสู่การปฏิรูปประชาธิปไตยที่ลึกซึ้งภายใต้การปกครองของจีน
โดยหม่า เจ้าซีว์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศกล่าวโต้กรณีที่ทะไล ลามะกล่าวว่า รัฐบาลจีนนำชาวทิเบตไปสู่ “นรกบนแดนดิน” ว่า “พวกของทะไล ลามะกำลังสับสนว่าอะไรถูกอะไรผิด พวกเขาพยายามปลุกกระแสข่าวลือต่างๆ ผมเชื่อว่าการปฏิรูปไปสู่ประชาธิปไตย (ภายใต้การนำของจีน) จะเป็นการปฏิวัติที่ลึกซึ้งและแผ่กว้างที่สุดในประวัติศาสตร์ทิเบต”
ด้านสมาชิกสภานิติบัญญัติสหรัฐฯ ได้เสนอญัตติเรียกร้องให้จีนยุติการกดขี่ชาวทิเบต โดยนางแนนซี เปโรซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เชื่อมั่นว่า สภาคองเกรสจะผ่านความเห็นชอบญัตตินี้ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น
ต่อกรณีดังกล่าว ทางจีนได้เรียกร้องให้สหรัฐฯ ถอนญัตติดังกล่าว โดยหม่า เจ้าซีว์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศกล่าวว่า "เรารู้สึกเป็นกังวลต่อประเด็นนี้มาก...เราเชื่อว่าสมาชิกสภาฯ ที่ต่อต้านจีนไม่กี่คนที่เสนอญัตติดังกล่าวต่อสภาคองเกรสไม่ได้คำนึงถึงประวัติศาสตร์และสภาพความเป็นจริงของทิเบต ดังนั้นเราหวังว่าทางสหรัฐฯ จะหยุดผลักดันญัตติดังกล่าวออกมา"
คลิกอ่าน : ลำดับเหตุการณ์สำคัญในศึกขัดแย้งจีน-ทิเบต 50 ปี