เอเอฟพี – คล้อยหลังฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ คนใหม่เยือนแดนมังกร โดยประสานความเข้าใจกันได้ไม่กี่วัน จีนกับสหรัฐฯ ก็ฉะกันอีก โดยพี่กันจวกสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในจีนว่าเลวกว่าปีก่อน เลยโดนโต้ให้เลิกทำตัวเป็นองค์รักษ์พิทักษ์สิทธิมนุษยชนได้แล้ว
สงครามน้ำลายระหว่างสองชาติมหาอำนาจเปิดฉากขึ้นอีกครั้ง เมื่อรายงานของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ (25 ก.พ.) ระบุว่า ทัศนคติของรัฐบาลจีนต่อเรื่องสิทธิมนุษยชนในปีที่แล้วเลวร้ายลงกว่าเดิม โดยจีนเพิ่มการปราบปรามฝ่ายตรงข้ามและจำกัดเสรีภาพในการนับถือศาสนา ตลอดจนความเห็นที่แตกต่างของชาวพุทธในเขตปกครองตนเองทิเบต และชาวมุสลิมในเขตปกครองตนเองซินเจียง นอกจากนั้น ยังหั่นแหลกการเสนอข่าวของสื่อมวลชน
“เราแนะนำให้สหรัฐฯ ไตร่ตรองปัญหาสิทธิมนุษยชนในประเทศของตนเอง จงหยุดกระทำตัวเป็นองค์รักษ์พิทักษ์สิทธิมนุษยชน และจงหยุดการแทรกแซงกิจการภายในของผู้อื่นด้วยการออกรายงานสิทธิมนุษยชนทำนองนี้” นายหม่า เฉาสี่ว์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนออกมาตอบโต้
สหรัฐฯ ออกรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในจีนวันเดียวกับที่ชาวทิเบตเริ่มฉลองเทศกาลปีใหม่ตามประเพณีท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยองค์ทะไล ลามะ ผู้นำจิตวิญญาณแห่งทิเบต ทรงเรียกร้องให้คว่ำบาตรเทศกาลฉลอง เพื่อไว้อาลัยแด่ผู้เสียชีวิตจากการปกครองของจีน
นอกจากนั้น ยังทรงเตือนด้วยว่ารัฐบาลจีนกำลังวางแผนการปราบปราม ก่อนหน้าวันที่ 10 มีนาคม ซึ่งเป็นวันรำลึกครบรอบเหตุการณ์ลุกฮือต่อต้านจีนของชาวทิเบตเมื่อ 50 ปีก่อน ซึ่งทำให้พระองค์ต้องเสด็จลี้ภัยในต่างแดน
อย่างไรก็ตาม นายหม่ายืนยันว่า ชาวทิเบตกำลังฉลองปีใหม่อย่างมีความสุข และจีนมีความพอใจกับเศรษฐกิจ ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง การสร้างความก้าวหน้าด้านประชาธิปไตย และให้การปกป้องเสรีภาพในการนับถือศาสนาอย่างเต็มที่
นอกจากนั้น รัฐบาลมังกรยังได้ออกรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในสหรัฐฯ กล่าวหารัฐบาลในกรุงวอชิงตันว่าหลอกลวง และใช้ 2 มาตรฐานในการแก้ไขปัญหา โดย จีนอ้างว่าเกิดคดีอาชญากรรมรุนแรงอย่างกว้างขวางในสหรัฐฯคุกคามชีวิต, ความปลอดภัย และทรัพย์สินของบุคคล
นอกจากนั้น ยังไม่มีการปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของนักโทษอย่างเหมาะสม ขณะที่การเหยียดเชื้อชาติปรากฏอยู่ทั่วไปในทุกแง่มุมของชีวิตในสังคม
สงครามปากประเด็นสิทธิมนุษยชนระหว่างสองชาติเกิดขึ้นติดต่อกันมาเป็นปีที่ 10 แล้ว ด้านนางคลินตันเพิ่งเสร็จสิ้นการเยือนกรุงปักกิ่งเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน โดยระบุว่า ไม่ควรนำความวิตกเกี่ยวกับปัญหาสิทธิมนุษยชนมาเป็นอุปสรรคขัดขวางความร่วมมือระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ในเรื่องต่าง ๆ เช่นความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
จุดยืนนี้ได้รับการชื่นชมจากจีน โดยสื่อมวลชนระบุว่า ทัศนคติของนางคลินตันเป็นความผ่อนคลาย ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า การเยือนของนางคลินตัวช่วยสร้างความเข้าใจระหว่างกัน