เอเจนซี – ธนาคารกลางเผยในรายงานเมื่อวันจันทร์ (23 ก.พ.) ระบุ จีนกำลังเผชิญหน้ากับความเสี่ยงต่อภาวะเงินฝืด เนื่องจากความสามารถในการผลิตล้นเกินในหลายอุตสาหกรรม ขณะที่ความต้องการสินค้ากลับลดลง
ธนาคารกลางเผยในรายงานนโยบายการเงินไตรมาส 4 ปี 2551 ระบุ “เนื่องจากอุปสงค์จากทั่วโลกทรุดฮวบ ทำให้ราคาสินค้าตกลงอย่างรุนแรง สะท้อนให้เห็นว่าจีนกำลังเผชิญความเสี่ยงต่อภาวะเงินฝืดอย่างหนักหน่วง”
แม้ว่าการที่สินค้าราคาถูกลงจะเป็นแนวโน้มที่น่ายินดี แต่ภาวะเงินฝืดอาจสร้างความหายนะให้แก่เศรษฐกิจ เพราะมันจะทำให้การจ้างงาน สต็อกสินค้า และราคาอสังหาริมทรัพย์ลดลง ทำให้ผลกำไรของบริษัทตกฮวบ และกระตุ้นให้บริษัทต่างๆ ลดพนักงานและการลงทุนด้วย
โดยดัชนีราคาผู้บริโภคของจีน (ซีพีไอ) ซึ่งเคยทุบสถิติ 12 ปีพุ่งขึ้นสูงถึง 8.7% เมื่อปีที่แล้ว แต่ในเดือนมกราคมที่ผ่านมากลับชะลอตัวอยู่ที่ 1% เท่านั้น
ขณะเดียวกัน ราคาค้าส่งก็ตกลง 3.3% นับเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากต้นทุนราคาน้ำมันและวัตถุดิบอื่นๆ ลดลง ซึ่งการที่ราคาค้าส่งที่เป็นปรอทวัดราคาสินค้าอยู่ในช่วงขาลงนั้น ก็บ่งชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มราคาผู้บริโภคจะลดต่ำลงอีก
ความเห็นของธนาคารกลางจีนย้ำชัดถึงความท้าทายของจีนในการออกนโยบายให้เหมาะกับความกดดันภายในและสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ดังจะเห็นได้จากเมื่อช่วงต้นปี 2551 จีนยังกังวลกับเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่แล้วในเดือนกรกฎาคม ความต้องการสินค้าเริ่มลดลงส่งให้โรงงานผลิตสินค้าหลายแห่งของจีนต้องปิดตัวไป เศรษฐกิจของประเทศชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัดทำให้จีดีพีปี 2551 อยู่ที่ 9% ต่ำสุดในรอบ 7 ปี
แต่อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางยังเตือนถึงความเสี่ยงต่อเงินเฟ้อในระยะยาว เนื่องจากความพยายามของทั่วโลกในการขยายสินเชื่อและเพิ่มสภาพคล่องในระบบการเงินโลก