เอเชี่ยนวอลสตรีทเจอร์นัล – ธนาคารกลางคลอดรายงานนโยบายการเงินประจำไตรมาส 3 ระบุ ทางการกำลังมุ่งป้องกันภาวะเงินฝืดในระยะสั้น ยอมรับความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจีนจะดิ่งพสุธามีสูง ดังนั้นจึงคิดใช้การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดเพิ่มสภาพคล่องในระบบ
ในรายงานนโยบายการเงินประจำไตรมาส 3 ธนาคารกลางแห่งประเทศจีนได้ระบุว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อได้บรรเทาลงควบคู่ไปกับราคาสินค้าที่ลดลง และสิ่งที่ธนาคารกลางจะต้องให้ความสำคัญในตอนนี้คือการป้องกันภาวะเงินฝืดในระยะสั้น
ธนาคารกลางกล่าวว่า ทางธนาคารจะใช้การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาด (open market operation) เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่อง และให้แน่ใจว่าจะมีสินเชื่อเพียงพออยู่ในระบบการเงิน เพื่อรองรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน
“เศรษฐกิจภายในประเทศจีนมีความผันผวนมากขึ้น และเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะตกต่ำสูงขึ้นด้วย เนื่องจากการควบคุมเศรษฐกิจมหภาคของจีนกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น” รายงานระบุ
โดยในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้เศรษฐกิจจีนขยายตัว 9% ลดลงจากอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจตลอดทั้งปี 2007 ซึ่งอยู่ที่ 11.9% ขณะที่ดัชนีชี้วัดหลายตัวในเดือนตุลาคมสะท้อนให้เห็นว่าการยอดผลิตของโรงงานและการลงทุนชะลอตัวลง
ธนาคารกลางระบุว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นภาคธุรกิจหนึ่งที่กำลังเผชิญกับปัญหา พร้อมเตือนว่า ปัญหาเหล่านี้จะขยายวงไปสู่ส่วนอื่นๆ ของภาคเศรษฐกิจด้วย
ทั้งนี้รายงานการประเมินของธนาคารกลางนั้นออกมาหลังจากที่เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา คณะมุขมนตรีจีนได้ประกาศแผนอัดฉีดเงิน 586,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (4 ล้านล้านหยวน) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยธนาคารกลางระบุว่า ทางธนาคารจะดำเนินการอย่างระมัดระวังเพื่อรับประกันว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในตอนนี้จะไม่เพาะเมล็ดพันธุ์แห่งเงินเฟ้อลงไป
พร้อมเชื่อ “นโยบายการเงินไม่เพียงสามารถป้องกันภาวะเงินฝืดในระยะสั้นได้ แต่จะช่วยป้องกันเงินเฟ้อในระยะยาวด้วย”