เอเชียน วอลสตรีท เจอร์นัล - คณะมุขมนตรีจีนรับรองแผนช่วยเหลือกลุ่มบริษัทในภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และอุตสาหกรรมเบา เมื่อวันพฤหัสบดี(19 ก.พ.) เพื่อสนับสนุนให้ผู้ผลิตสามารถรับมือกับสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนี้
เมื่อวานนี้(19 ก.พ.) คณะมุขมนตรีแถลงผ่านเว็บไซต์ของรัฐบาลกลาง ประกาศจะใช้มาตรการทางด้านภาษีสนับสนุนกลุ่มบริษัทในทั้งอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและอุตสาหกรรมเบา อย่างไรก็ตามยังไม่ได้ระบุรายละเอียดของมาตรการ แต่รับรองว่าแผนอุดหนุนนี้จะช่วยฟื้นฟูภาคพลังงานโดยปรับปรุงกลไกการกำหนดราคา เดินหน้าแผนการสร้างคลังสำรองผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป และเตรียมระงับโครงการถ่านหิน เพื่อควบคุมความสามารถการผลิตที่ล้นเกิน
นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม เป็นต้นมารัฐบาลจีนได้อนุญาตให้ผู้ผลิตภายในประเทศปรับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลและเบนซินลอยตัวตามราคาตลาดโลก ซึ่งก่อนหน้าราคาขายปลีกอยู่ภายใต้การแทรกแซงของรัฐบาลโดยเฉพาะน้ำมันดีเซลและเบนซินที่ควบคุมอย่างเข้มงวด
ขณะเดียวกัน ยังไม่แน่ชัดว่าทางการจีนจะเลือกใช้มาตรการใดสำหรับเร่งสร้างคลังสำรองน้ำมันกลั่น แต่ ณ ปัจจุบันราคาน้ำมันที่ลดลงต่ำเปิดโอกาสทองให้แก่จีนในกเติมคลังสำรองน้ำมันได้ในราคาต่ำ
ปลายปีที่ผ่านมา จีนใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องด้วยการนำเข้าน้ำมันให้มากขึ้น และขณะเดียวกันก็สรุปร่างพัฒนาสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ โดยจีนได้เริ่มสร้างคลังสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์เฟสหนึ่งเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และในเดือนพฤศจิกายน ก็ได้ออกแบบคลังสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์เฟสสองเสร็จเรียบร้อย และคาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างในเร็วๆนี้
นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังสนับสนุนให้อุตสาหกรรปิโตรเคมีและอุตสาหกรรมเบาปรับเปลี่ยนนวัตกรรมในการผลิต ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแม้ในความพยายามที่จะรับมือกับสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันแล้ว จีนยังยืนหยัดที่จะเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมในประเทศในระยะยาวอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในรายงานระบุว่า รัฐบาลกำลังเดินหน้าพิจารณาเพิ่มอัตราคืนภาษีให้กับสินค้าส่งออกอุตสาหกรรมเบาบางส่วน และสนับสนุนทางการเงินเพื่อลดภาระต้นทุนแก่ผู้ส่งออก
จีนในฐานะจ้าวเศรษฐกิจอันดับสามของโลก และอันดับสองของโลกที่มีการบริโภคพลังงานมากที่สุด มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่ำที่สุดในรอบ 7 ปี ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว ทำให้กระทบต่อการบริโภคน้ำมันและปิโตรเคมี สำหรับแผนสนับสนุนอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่หลายฝ่ายรอคอยนั้น เป็นหนึ่งในมาตรการแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน(585,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) ที่รัฐบาลจีนได้ประกาศไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน ของปีที่แล้ว ในการรับมือกับวิกฤตการเงินโลก.