เอเอฟพี - ราคาน้ำมันขยับขึ้นกว่า 1 ดอลลาร์เมื่อวันพุธ(16) หลังได้แรงขับเคลื่อนจากสต๊อกน้ำมันดิบมะกันที่ลดลงมากกว่าคาดหมาย ชี้ให้เห็นถึงอุปสงค์ที่กำลังเติบโตขึ้น ขณะที่วอลล์สตรีท ปิดบวกเช่นกัน จากข้อมูลอันสดใสของภาคการผลิต
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 1.58 ดอลลาร์ ปิดที่ 72.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.81 ดอลลาร์ ปิดที่ 71.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
รายงานปริมาณน้ำมันดิบสำรองประจำสัปดาห์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่าสต๊อกน้ำมันดิบลดลงอย่างรุนแรง มากกว่าที่คาดหมายเอาไว้ ก่อความหวังด้านอุปสงค์ที่มีมากขึ้นภายในชาติผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ที่สุดในโลก
กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ(ดีโออี) เปิดเผยว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของอเมริกา ลดลง 4.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 11 กันยายน หลังจากหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านี้ก็ลดลงถึง 6.0 ล้านบาร์เรล
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันพุธ(16) ปิดในแดนบวกอย่างแข็งแกร่ง หลังได้แรงหนุนจากผลผลิตอุตสาหกรรมของมะกันเดือนส.ค.ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของรัฐบาลภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งช่วยหนุนระบบเศรษฐกิจโดยรวม
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 108.30 จุด (1.12 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 9,791.71 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 30.51 จุด (1.45 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,133.15 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 16.13 จุด (1.53 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,068.76 จุด
ผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ ขยับขึ้น 0.8 เปอร์เซ็นต์ในเดือนสิงหาคม นับเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 1.0 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลรัฐบาลสหรัฐฯ ที่พบว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของอเมริกา เพิ่มขึ้น 0.4 เปอร์เซ็นต์ในเดือนสิงหาคมและอัตราเงินเฟอพื้นฐานขยับขึ้นเล็กน้อย 0.1 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งได้คลี่คลายความกังวลต่อภาวะเงินฝืดและการฟื้นตัวของภาวะเงินเฟ้อ
