เอเอฟพี – ผู้นำแดนมังกรเริ่มภารกิจกระชับมิตรในต่างแดนครั้งแรกสำหรับปีใหม่ปีฉลู ด้วยการเยือนชาติในทวีปแอฟริกาและซาอุดิอาระเบีย ซึ่งอุดมไปด้วยน้ำมันและทรัพยากรแร่
โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนแถลงเมื่อวันอังคาร (3 ก.พ.) ว่า ประธานาธิบหู จิ่นเทาจะเดินทางไปเยือนประเทศมาลี, เซเนกัล, แทนซาเนีย และมอริเชียส รวมทั้งซาอุดิอาระเบีย ตั้งแต่วันที่ 10-17 กุมภาพันธ์นี้ โดยจะร่วมหารือกับบรรดาผู้นำชาติเหล่านั้น เพื่อกระชับความสัมพันธ์ ตลอดจนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาในระดับภูมิภาคและระดับโลก
การเยือนทวีปแอฟริกาครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 4 หลังจากประธานาธิบดีหูเข้ารับตำแหน่งผู้นำจีนเมื่อปี 2546 โดยเขาเพิ่งไปเยือนมาล่าสุดเมื่อต้นปี 2550
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนขวนขวายทำงานอย่างหนัก เพื่อพยายามตีสนิทกับชาติในกาฬทวีป รวมทั้งซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นชาติผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก เนื่องจากปริมาณความต้องการใช้น้ำมันของจีนพุ่งไม่หยุด โดยจีนได้ปฏิบัติจนกลายเป็นธรรมเนียมในการส่งคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปเยือนทวีปแอฟริกา
และสำหรับปีนี้ นายหยาง เจี๋ยฉือ รัฐมนตรีต่างประเทศ เพิ่งไปเยือนอูกันดา, รวันดา,มาลาวี และแอฟริกาใต้เมื่อเดือนที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม การกระชับความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับชาติในแอฟริกาบางชาติ ซึ่งมีปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชน ได้ตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์ของชาติตะวันตก เช่นซูดานและซิมบั๊บเว่
ในคราวเยือน 8 ชาติแอฟริกาเมื่อปี 2550 นั้น ประธานาธิบดีหูได้พบปะหารือกับประธานาธิบดีโอมาร์ อัล-บีเชียร์ ของซูดาน ซึ่งขณะนี้กำลังถูกศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศดำเนินการสอบสวน และเขาอาจถูกตั้งข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
นอกจากนั้น จีนยังถูกตำหนิว่า ปล้นชิงทรัพยากรจากแอฟริกาไปอย่างหน้าตาเฉย โดยไม่สนใจผลกระทบด้านการเมือง, เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม
ในการเยือนแซมเบีย ประธานาธิบดีหูจำต้องระงับการไปเยี่ยมเหมืองทองแดง ซึ่งดำเนินการโดยจีน เนื่องจากเคยเกิดเหตุเหมืองระเบิดในปี2548 ทำให้ชาวแซมเบียเสียชีวิต 50 คน การมาของผู้นำจีนจึงเกรงกันว่าคนงานเหมืองอาจลุกขึ้นมาประท้วงอย่างโกรธแค้น
อย่างไรก็ตาม ธนาคารโลก หรือเวิลด์ แบงก์ ออกมาระบุเมื่อปีที่แล้วว่า การที่จีนแห่ไปลงทุนในแอฟริกาก่อให้เกิดการปฏิวัติด้านสิ่งสาธารณูปโภคขนานใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นในการลดปัญหาความยากจนที่นั่น
ทว่าด้านนายฌ็อง ปิง ประธานคณะกรรมาธิการแห่งสหภาพแอฟริกา หรือเอยู ซึ่งประกอบด้วยชาติสมาชิก 53 ชาติ ได้เตือนถึงผลร้ายแรงที่อาจเกิดตามมา หากเศรษฐกิจจีนเข้าสู่ภาวะถดถอย เพราะจะทำให้จีนลดปริมาณความต้องการวัตถุดิบจากภูมิภาคแห่งนี้ได้
การค้าระหว่างจีนกับแอฟริกามีมูลค่าสูงถึง 106,800 ล้านดอลลาร์ ในปีที่แล้ว โดยปรับขึ้นจากเมื่อปี 2548 ซึ่งมีมูลค่าการค้าต่ำกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์เล็กน้อย จากข้อมูลกระทรวงพาณิชย์จีน
สำหรับมูลค่าการค้าระหว่างจีนกับซาอุดิอาระเบียปรับขึ้นมาตลอดในช่วง 2-3 ปีที่แล้ว โดยมีมูลค่าทั้งสิ้น 36,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2551 เปรียบเทียบกับมูลค่า 16,000 ล้านดอลลาร์ในปี2548
ประธานาธิบดีหูไปเยือนซาอุดิอาระเบียครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนเมษายน2549 หลังจากกษัตริย์อับดุลลาห์เสด็จเยือนกรุงปักกิ่งได้เพียง 3 เดือน ซึ่งนับเป็นการเยือนครั้งประวัติศาสตร์ แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือที่เพิ่มพูนระหว่างสองชาติ โดยเฉพาะในภาคน้ำมัน โดยพระองค์นับเป็นกษัตริย์ซาอุดิอาระเบียพระองค์แรกที่เยือนจีน นับตั้งแต่ชาติทั้งสองสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในปี 2533