เอเจนซี—ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา บรรลุข้อตกลงเศรษฐกิจ การค้ากระชับสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับเซเนกัล ซึ่งเป็นแหล่งแร่เหล็ก ทองคำ และแหล่งสำรองน้ำมันที่ยังไม่ได้ขุดเจาะ หลังจากที่เยือนประเทศมาลี ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตทองคำอันดับสามของโลก และได้ลั่นสัญญาขยายการลงทุน และช่วยเหลือบรรเทาหนี้สิน
ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา เสร็จสิ้นการเยือนประเทศเซเนกัลในวันเสาร์(14 ก.พ.) และได้เดินทางออกจากกรุงดาการ์ โดยมีประธานาธิบดี อับดูลาเย วาเด แห่งสาธารณรัฐเซเนกัล ไปส่งที่สนามบิน เพื่อเดินทางต่อไปยังแทนซาเนีย หู จิ่นเทาจะปิดการเยือน 4 ชาติแอฟริกัน ที่สาธารณรัฐมอริเชียสในวันอังคาร(17 ก.พ.)
ระหว่างเยือนเซเนกัล ผู้นำสองชาติได้บรรลุข้อตกลงด้านการค้าในบ่ายวันศุกร์(13 ก.พ.) ที่กรุงดาการ์ ได้แก่ ข้อตกลงจัดตั้งองค์กรร่วมเพื่อส่งเสริมความมือด้านเศรษฐกิจ พาณิชย์ และเทคโนโลยี, ข้อตกลงการขยายเงินกู้ช่วยเหลือสำหรับการจัดซื้อรถประจำทางใหม่, ข้อตกลงการซื้อขายน้ำมันถั่วลิสงโดยจีนจะเป็นผู้ซื้อจากเซเนกัล
หลังจากจรดหมึกข้อตกลง ซึ่งจะช่วยกระชับสัมพันธ์สองชาติแน่นแฟ้น ประธานาธิบดีวาเด บอกกับสำนักข่าว APS ของเซเนกัลว่า สัมพันธภาพกับจีนนั้น ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของ “ผลประโยชน์ด้านวัตถุดิบเพียงด้านเดียวเท่านั้น” ทั้งสองยังได้แบ่งปันทัศนวิสัยเกี่ยวกับความร่วมมือ สันติภาพ และการพัฒนามนุษย์ “ส่วนโครงการต่างๆนั้น ตามมาทีหลัง” ประมุขเซเนกัล ยืนยัน อย่างไรก็ตาม ก็ยอมรับว่า โครงการต่างๆที่ได้ความร่วมมือจากจีนนั้น เป็นประโยชน์แก่เซเนกัลมาก
สำหรับจีนกับเซเนกัลนั้น เพิ่งสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกันเมื่อปี พ.ศ. 2548 หลังจากที่ชาติเซเนกัลยุติการรับรองทางการทูตแกไต้หวันที่ดำเนินมา 10 ปี และการเยือนของประมุขแห่งรัฐมังกรครั้งนี้ ก็ถูกมองว่าเป็นการตกรางวัลให้แก่ดาการ์ที่ช่วยเพิ่มเสียงสนับสนุนนโยบายหนึ่งจีน
ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ได้มาถึง ดาร์ เอส ซาลาม เมืองหลวงของแทนซาเนีย ในบ่ายวันเสาร์(14 ก.พ.) และมีกำหนดการจะเดินทางไปเปิดศูนย์กีฬา 60,000 ที่นั่ง ซึ่งมีมูลค่าการก่อสร้าง 65 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยทุนรอนที่นำมาสร้างศูนย์กีฬาแห่งนี้ ส่วนใหญ่มาจากจีน
ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้นำเดินทางเยือนชาติต่างๆในแอฟริกาเป็นว่าเล่น โดยมีกลุ่มชาติตะวันตกคอยวิพากษ์วิจารณ์ว่าจีนมุ่งที่จะเข้าไปถลุงแหล่งทรัพยากรวัตถุดิบที่ยังมิได้ขุดค้นมากมายในประเทศยากจนเหล่านี้ผ่านการเจรจาความร่วมมือมือและความช่วยเหลือต่างๆเพื่อหล่อเลี้ยงการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศมิให้สะดุด โดยที่จีนไม่ได้ตอบแทนผลประโยชน์แก่ชาติแอฟริกันเหล่านี้มากมายนัก
บางกระแสในตะวันตกกล่าวหาอย่างแรงว่าการขยายบทบาทจีนในแอฟริกันนั้น เป็นแบบเดียวกับจ้าวอาณานิคมที่มุ่งกอบโกยผลประโยชน์ โดยไม่เลือกแม้ชาติที่มีผู้นำมือเปื้อนเลือดอย่างซูดาน ซึ่งทำสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในดาร์ฟูร์
ด้านจีนปฏิเสธเสียงวิพากษ์วิจารณ์ข้างต้นอย่างหัวชนฝาเช่นกัน และการเดินสายเยือนชาติแอฟริกัน 4 ชาติเที่ยวนี้ของหู จิ่นเทา ได้แก่ มาลี, เซเนกัล, แทนซาเรีย, และมอริเซียส ซึ่งเป็นประเทศที่ไม่มีทรัพยากรล้นหลามนัก แต่ก็ถูกมองอย่างกว้างขวางไปว่า จีนกำหนดการเยือนนี้เพื่อโต้กระแสวิพากษ์วิจารณ์มากกว่า
อย่างไรก็ตาม ในกลุ่ม 4 ชาติแอฟริกันที่ประมุขมังกรเยือนเที่ยวนี้ มีชาติมาลี และเซเนกัล ที่มีทรัพย์ในดินน่าสนใจ โดยมาลี เป็นชาติผู้ผลิตทองคำรายใหญ่อันดับสามของโลก และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตฝ้ายรายใหญ่ที่สุดของโลก และเมื่อไม่นานมานี้ ก็มีการขุดพบแหล่งอลูมิเนียมใหญ่อีกด้วย ส่วนในเซเนกัลนั้น มีขุมแร่เหล็ก, ทองคำ และแหล่งสำรองน้ำมันที่ยังไม่ขุดเจาะ ในสองสามปีที่ผ่านมา จีนได้เข้าขยายความร่วมมือและความช่วยเหลือกับทั้งมาลี และเซเนกัล โดยได้พุ่งที่โครงการโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา และสาธารณสุข
ประมุขรัฐแดนมังกรได้พูดที่สาธารณรัฐมาลี ว่าจีนยิ่งต้องขยายสัมพันธภาพกับชาติกำลังพัฒนาในแอฟริกาในยามวิกฤตเศรษฐกิจโลก และสัญญาจะขยายการลงทุนและช่วยเหลือในการบรรเทาหนี้สิน
การค้าระหว่างจีนและกลุ่มชาติแอฟริกันถีบตัวสูงร้อยละ 45ในปี 2551 โดยจีนมีการส่งออกไปยังทวีปแฟริกา เพิ่มร้อยละ 36.3 ขณะที่จีนได้นำเข้าจากคู่ค้ากาฬทวีป ซึ่งส่วนใหญ่เป็น น้ำมัน เพิ่งสูงร้อยละ 54
ธนาคารโลกได้ยกย่องจีนในการเข้าไปกระชับสัมพันธ์กับแดนแอฟริกัน ที่ส่วนใหญ่เป็นชาติกำลังพัฒนาที่ยากจน โดยช่วยบุกเบิกโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาประเทศ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับความยากจน.
