xs
xsm
sm
md
lg

หูจิ่นเทายอมรับจีนถูกวิกฤตโลกกดดันหนัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร้านค้าในเมืองซีอาน นำภาพมงคลต้อนรับเทศกาลตรุษจีนออกมาจำหน่ายแล้ว เพื่อเตรียมตัวรับเทศกาลที่สำคัญที่สุดของชาวจีนซึ่งจะตรงกับวันที่ 26 ม.ค. ปีหน้า ทั้งนี้ผลการประเมินจากหลายองค์กรต่างคาดตรงกันว่าปี 2009 จะเป็นปีที่เศรษฐกิจจีนซบเซาหนัก (ภาพ เอเอฟพี)
เอเจนซี่ - ประธานาธิบดีหูจิ่นเทา ยอมรับ จีนกำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะการส่งออก สูญเสียความได้เปรียบไปมาก พร้อมย้ำรัฐบาลจะเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างเต็มที่ เพื่อกู้เศรษฐกิจ

ประธานาธิบดีหูจิ่นเทา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อวานนี้ (29พ.ย.) โดยผู้นำจีนยอมรับว่าวิกฤตการเงินโลกครั้งนี้ยาวนานและซับซ้อน ส่งผลกระทบต่อจีนอย่างแน่นอน โดยเฉพาะภาคการส่งออกที่จีนสูญเสียความได้เปรียบทางการแข่งขันไปมาก

“วิกฤตการเงินโลกครั้งนี้มีแนวโน้มจะยาวนาน โดยเฉพาะกับประเทศจีนซึ่งพึ่งพาการส่งออกเป็นหลักจะได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยจีนกำลังเผชิญกับความกดดันในหลายด้าน ได้แก่ ความต้องการสินค้าจีนจากตลาดนอกประเทศลดลงอย่างชัดเจน, ความได้เปรียบทางการแข่งขันของจีนลดลง เพราะทุกประเทศต่างใช้มาตรการผลักดันการส่งออกของตัวเองเต็มที่, ลัทธิปกป้องทางการค้าจะมีบทบาทมากขึ้น, ความต้องการใช้ทรัพยากรในประเทศจะเพิ่มมากขึ้นและจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สภาวะทั้งหมดนี้จะกดดันให้จีนต้องเปลี่ยนทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจ และต้องทำอย่างเร่งด่วนด้วย” ประธานาธิบดีหูจิ่นเทา กล่าวในที่ประชุม

ทั้งนี้การเปลี่ยนทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจ ที่ผู้นำจีนกล่าวถึง คือ การเปลี่ยนจากการพึ่งพาการส่งออก มาเป็นการใช้การลงทุนของภาครัฐ และการใช้จ่ายภายในประเทศเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลจีนทั้งส่วนกลาง และท้องถิ่นต่างออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศของจีน

ธนาคารโลก ได้ออกรายงานเมื่อสัปดาห์แล้ว ประเมินว่า เศรษฐกิจจีนในปีนี้จะเติบโตแค่ 9.2% และในปีหน้าจะเติบโตแค่ 7.5% ซึ่งนับเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดในรอบ 19 ปี

ทางด้านนิตยสารดิอีโคโนมิสต์ ประเมินเศรษฐกิจจีนไว้ดีกว่าของธนาคารโลกเล็กน้อย โดย ดิอีโคโนมิสต์ ประเมินว่าปีหน้าเศรษฐกิจจีนจะเติบโต 8.0% ภายใต้อัตราเงินเฟ้อ 3.6% โดยคิดเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตสูงเป็นอันดับที่ห้า รองจาก การ์ตาร์ (13.4%) แองโกลา(9.8%) คองโก(8.5%) และมาลาวี(8.3%) ทั้งนี้ประเทศที่มีการเติบโตสูงสี่อันดับแรกนั้น เนื่องจากได้แรงหนุนจากทรัพยากรธรรมชาติและน้ำมันที่มีในประเทศมาค้ำยันเศรษฐกิจไว้

“เศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบต่อจีนอย่างมาก ยิ่งเมื่อไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่อย่างเช่น กีฬาโอลิมปิคด้วยแล้ว จีนจึงต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก การรักษาอัตราเจริญเติบโตควบคู่กับการดูแลเงินเฟ้อไม่ให้สูงเกินไป รวมทั้งการจัดการปัญหาคนตกงานถือเป็นความท้าทายของรัฐบาลจีน หากก้าวพลาดในด้านใดด้านหนึ่ง อาจทำให้เกิดความวุ่นวายในสังคมได้” นิตยสารดิอีโคโนมิสต์ กล่าวในรายงานที่ชื่อว่า “โลกในปี 2009”

นักเศรษฐศาสตร์จีนสวนกระแส ยันเติบโตได้ 10%

สำนักข่าวซินหัว รายงานโดยอ้างคำพูดของ นายจาง หลี่ฉุน นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนา ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ปรึกษาของคณะรัฐมนตรีจีนว่า เศรษฐกิจจีนในปีหน้าจะเติบโต 10% เนื่องจากจีนสามารถสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจได้ด้วยตัวเอง

“ถึงแม้เศรษฐกิจโลกจะย่ำแย่ แต่เศรษฐกิจจีนจะเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง เพราะชาวจีนที่โยกย้ายมาอยู่ในเมืองหลายล้านคนจะจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบ้านและรถยนต์จะเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ” จาง หลี่ฉุนกล่าว
รายงานโลกปี2009 ของนิตยสารดิอีโคโนมิสต์
กำลังโหลดความคิดเห็น