เอเจนซี - จีนเปลี่ยนนโยบายเศรษฐกิจมหภาค กลับมาเน้นกระตุ้นการเติบโตอีกครั้ง ภายหลังที่ตลอดหนึ่งปีเศษที่ผ่านมา ให้น้ำหนักกับนโยบายป้องกันการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างเร่งร้อนเกินไป ประธานาธิบดี หูจิ่นเทา ของจีน กล่าวยืนยันเมื่อวันศุกร์(1) ขณะให้สัมภาษณ์แก่สื่อตะวันตก
นอกจากคำยืนยันของผู้นำจีนแล้ว หลักฐานชัดเจนที่สุดของการกลับลำนโยบายเศรษฐกิจมหภาคใหม่ ยังได้แต่การที่ธนาคารกลางให้อำนาจธนาคารต่างๆ เพิ่มการให้กู้ยืมขึ้นอีก 5% ทั้งนี้ตามคำบอกเล่าของแหล่งข่าวในวงการธนาคารหลายราย
การปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้นเช่นนี้ หลายฝ่ายคาดหมายว่าน่าจะทำให้มีเม็ดเงินกู้ใหม่ๆ ปล่อยออกมาถึง 200,000 ล้านหยวน (30,000 ล้านดอลลาร์) ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางของจีนได้ออกมาตรการหลายอย่างเพื่อดูดซับเม็ดเงินส่วนเกินออกจากระบบ ทั้งโดยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน และขึ้นเพดานสำรองต่อสินทรัพย์ทั้งหมดในธนาคารพาณิชย์ติดต่อกันมาเป็นเวลาปีกว่าแล้ว
หลักฐานของหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจอีกประการหนึ่ง ได้แก่ การที่จีนประกาศเพิ่มอัตราชดเชยภาษีส่งออกให้แก่ธุรกิจสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มสำเร็จรูป ที่กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาที่มาจากค่าเงินหยวนที่พุ่งขึ้น และคำสั่งซื้อที่น้อยลงอยู่ในเวลานี้
"เราจะต้องรักษาการพัฒนาอันค่อนข้างรวดเร็วและมั่นคงเอาไว้ และควบคุมราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นมากเกินไป ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นงานที่มีความสำคัญที่สุดในนโยบายมหภาค" หูกล่าวกับนักข่าวต่างประเทศกลุ่มหนึ่งที่ได้รับเชิญเป็นการเฉพาะเพื่อให้เข้าสัมภาษณ์เขาที่มหาศาลาประชาชน
สิ่งที่หูกล่าวนี้มีขึ้นก่อนที่การแข่งขันโอลิมปิกที่ปักกิ่งจะเป็นเจ้าภาพ 1 สัปดาห์ และการแข่งขันนี้เองได้รับการมองทั้งจากในและต่างประเทศว่าเป็นสัญญลักษณ์แห่งการขึ้นสู่บัลลังก์มหาอำนาจทางเศรษฐกิจของจีน
ประธานาธิบดีหูระบุไว้ด้วยว่า จีนยังคงเดินหน้าการปฎิรูปด้านต่าง ๆต่อไปเพื่อรับประกันว่า "มรดกทางจิตวิญญาณ" จากการแข่งขันโอลิมปิก จะยังคงดำเนินต่อไปและสร้างผลประโยชน์ให้แก่ประเทศ
"ในเวลาเดียวกันกับที่การปฏิรูปหลั่งรากลึงลงไปในระบบเศรษฐกิจ และบรรลุถึงการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมที่รวดเร็ว เราก็จะเดินหน้าการปฎิรูปต่างๆ อย่างทั่วด้านต่อไป ซึ่งก็รวมทั้งการปฏิรูประบบการเมืองด้วย" ประธานาธิบดีหูกล่าว
เมื่อปี 2007 เศรษฐกิจจีนเติบโตถึง 11.9% และนับเป็นปีที่ 5 แล้วที่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนสูงเกินกว่า 10% อย่างไรก็ตามการเติบโตนั้นชะลอลงเหลือ 10.4% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้เพราะความต้องการสินค้าของจีนในต่างประเทศอ่อนตัวลง รวมทั้งมาตรการควบคุมสินเชื่อเริ่มส่งผลด้วย
คณะกรมการเมือง ซึ่งเป็นองค์กรทรงอำนาจสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ส่งสัญญาณเมื่อวันศุกร์ (25) ที่แล้วว่า การชะลอตัวลงเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป โดยกล่าวว่านโยบายหลักของเศรษฐกิจจีนก็คือการคงไว้ซึ่งอัตราการเติบโตสูงเท่าเดิม ในขณะที่ต้องควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้ได้ด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้พรรคเน้นนโยบายป้องกันเศรษฐกิจมิให้ขยายตัวอย่างเร่งร้อนจนเกินไป
ความวิตกของคณะผู้นำจีน ส่วนหนึ่งเนื่องจากการชะลอตัวอย่างรุนแรงของภาคอุตสาหกรรม อันเป็นภาคเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างยิ่งของแดนมังกรในเวลานี้ โดยดัชนีข้อมูลโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งสหพันธ์โลจิสติกส์และการซื้อขายสินค้าแห่งประเทศจีน สำรวจจากพวกผู้จัดการฝ่ายซื้อนั้น ปรากฎว่าตัวเลขเดือนกรกฎาคม อยู่ที่ 48.4 เทียบกับ 52.0 ของเดือนมิถุนายน แถมยังเป็นครั้งแรกนับแต่เริ่มมีการสำรวจเมื่อปี 2005 เป็นต้นมา ที่ตัวเลขนี้ลงมาต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งถ้าเกินขีดนี้ก็คือว่ามีการเติบโต ขณะที่ต่ำกว่าจะเท่ากับลดถอย
หู กล่าวว่า จีนยังสามารถรักษาระดับการเติบโตที่แข็งแกร่งได้ในช่วงต้นปีนี้แม้ว่าจะมีพายุหิมะพัดถล่มทางใต้ของประเทศเมื่อเดือนมกราคมซึ่งสร้างความเสียหายแก่ภาคการผลิตและสาธารณูปโภคเป็นบริเวณกว้าง นอกจากนี้ก็ยังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่มณฑลเสฉวนทำให้มีเสียชีวิตมากกว่า 70,000 คนและก็สร้างความเสียหายให้แก่โครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล
"อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องยอมรับว่ามีความไม่แน่นอนเกิดขึ้น รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ในระบบเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ซึ่งทำให้เศรษฐกิจภายในของจีนต้องเผชิญกับความเสี่ยงและความยากลำบากที่เพิ่มมากขึ้น" เขากล่าว
นอกจากนี้บรรดานักเศรษฐศาสตร์ต่างพากันกล่าวว่า การสั่งปิดโรงงานจำนวนมากรวมทั้งมาตรการห้ามการขนส่งสินค้าอย่างเข้มงวดเพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศของปักกิ่งในช่วงการแข่งขันโอลิมปิก ก็น่าจะสร้างผลกระทบต่อบรรยากาศทางธุรกิจด้วย