xs
xsm
sm
md
lg

โอบามา หวัง"เปลี่ยน"นโยบายเงินหยวน อาจทำจีนเคือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งถูกคาดว่าอาจทำให้จีนไม่พอใจ หากกดดันจีนเรื่องค่าเงินหยวน (ภาพ รอยเตอร์)
เอเยนซี– บารัค โอบามา ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ที่เคยเรียกร้องให้จีน “เปลี่ยนแปลง” นโยบายค่าเงินหยวน อาจสร้างความขัดแย้งกับจีน คู่ค้าอันดับสองของสหรัฐฯ ที่หวังจะรักษาค่าเงินเพื่อสนับสนุนการส่งออก

โอบามา บอกในจดหมายที่ส่งถึงสภาอุตสาหกรรมสิ่งทอแห่งสหรัฐ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า รัฐบาลจีนต้องหยุดแทรกแซงค่าเงิน ทั้งนี้ธนาคารแห่งชาติจีนได้ควบคุมให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนกับเงินดอลลาร์แทบจะไม่เปลี่ยนแปลง ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ตามนโยบายที่เปลี่ยนจากการควบคุมเงินเฟ้อ มาเป็นการสร้างความเติบโต ท่ามกลางวิกฤตการเงินโลก นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศจีน ยังแถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า สหรัฐฯไม่ควรโทษว่าการขาดดุลการค้าเกิดจากอัตราแลกเปลี่ยน

“โอบามาจะเพิ่มแรงกกดันต่อนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของจีน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯและลดการว่างงานลง แต่จีนเองก็คงคิดถึงพื้นฐานเศรษฐกิจของตัวเองก่อน” ฮา จี้หมิง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทไชน่า อินเตอร์เนชั่นแนล แคปปิตอล ประจำฮ่องกงกล่าว ทั้งนี้เขายังคาดการณ์ด้วยว่า ปี 2009 ค่าเงินหยวนจะอ่อนลง 3% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์

ในเจ็ดเดือนแรกของปีนี้ ผู้ส่งออกของเล่นจีนกว่าครึ่งหนึ่งต้องปิดกิจการ เนื่องจากต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นและค่าเงินหยวนที่แข็งขึ้น ขณะที่รัฐบาลจีนก็เพิ่มอัตราคืนภาษีให้ผู้ส่งออก หลังจากที่ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่สาม หล่นไปเหลือ 9% ซึ่งต่ำที่สุดในรอบห้าปี

รับมือกับภาวะชะลอตัว

“จีนกำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัวภายในประเทศ” โดนัลด์ สตราเซ่ม รองกรรมการของรอทร์แคปปิตอล ธนาคารสหรัฐฯซึ่งเชี่ยวชาญด้านตลาดเกิดใหม่ กล่าว “รัฐบาลปักกิ่งได้หยุดการยืดหยุ่นค่าเงินมาหลายเดือนแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าวอชิงตันย่อมไม่พอใจนัก”

การประชุมร่วมยุทธศาสตร์เศรษฐกิจจีน-สหรัฐฯ ที่ริเริมขึ้นโดยนายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐฯ จะมีขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ ก่อนหน้าที่โอบามาจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า

พอลสัน ปฏิเสธว่าสหรัฐฯ ไม่ได้กล่าวหาว่าจีนควบคุมค่าเงินเพื่อสร้างความเปรียบทางการค้า แต่ ชาร์ล ชูเมอร์ วุฒิสมาชิกนครนิวยอร์กจากพรรคเดโมแครต กลับเสนอให้คว่ำบาตรจีนหากไม่เลิกควบคุมค่าเงินหยวน

โดนัลด์ สตราเซ่ม บอกว่า การควบคุมค่าเงินเป็นเรื่องเฉพาะที่ถูกกำหนดในกฎหมาย และก็ไม่เคยมีประธานาธิบดีคนไหนเคยใช้คำนี้มากล่าวหาคู่ค้า “แต่ถ้าโอบามาไม่ทำอะไรเลย ทั้งๆ ที่เคยบอกว่าจีนควบคุมค่าเงินหยวน เขาก็จะถูกมองว่าเหมือนกับนักการเมืองรุ่นเก่า ที่พูดอย่างทำอย่าง” สตราเซ่ม บอก

เสถียรภาพทางนโยบาย

เที่ยงวันนี้ อัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนที่ตลาดเซี่ยงไฮ้ อยู่ที่ 6.8266 หยวนต่อหนึ่งดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7%ในปีนี้ ทั้งๆ ที่ปีที่แล้วค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้นที่ 6.9% โดยตั้งแต่เดือนกันยายน อัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.3% ขณะที่เงินรูเปี๊ยะของอินโดนีเซียอ่อนค่าลง 12% และเงินวอนของเกาหลีใต้ก็อ่อนค่าลง 9%

อัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนล่วงหน้า ที่ยังไม่มีการส่งมอบ ชี้ว่าค่าเงินหยวนจะอ่อนค่า 1.3 % ไปอยู่ที่ 6.9149 ต่อหนึ่งดอลลาร์ ทั้งนี้อัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนล่วงหน้า คือ การซื้อขายเงินตราในอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน แต่ยังไม่มีการส่งมอบเงิน จนกว่าจะถึงเวลาที่ตกลงกันไว้ในอนาคต

โจว เสี่ยวชวน ผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติจีน กล่าวกับสมาชิกรัฐสภาเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมว่า ธนาคารกลางจะรักษาเสถียรภาพค่าเงินหยวนไว้ เพราะความซบเซาทั่วโลกจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง

“จีนได้ช่วยค้ำจุนระบบการเงินโลกด้วยการรักษาเสถียรภาพค่าเงินท่ามกลางความผันผวน เหมือนเช่นที่เคยทำในช่วงวิกฤตการเงินเอเชียปี 1997 ต่างชาติไม่ควรกล่าวหาจีนเรื่องนโยบายเงินหยวน” จาง เสี่ยวจิง ผู้อำนวยการแผนกเศรษฐกิจมหภาค แห่งสภานักวิชาการสังคมศาสตร์แห่งชาติจีน กล่าว

กลไกขับเคลื่อนการเติบโต

รมว.คลังสหรัฐฯ เฮนรี่ พอลสัน กล่าวเมื่อวันที่ 21 ต.ค. ว่า เขาพอใจที่จีนได้ยกเลิกการตรึงค่าเงินหยวนกับเงินดอลลาห์ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2005 ซึ่งทำให้เงินหยวนแข็งค่ากว่า 20% และเขายังยกย่องจีนที่เป็น “กลไกสำคัญ” ในการสร้างความเติบโต

ในเดือนกันยายน การส่งออกของจีน เพิ่มขึ้น 21.5% จากปีที่แล้ว ส่วนเดือนสิงหาคมก็ เพิ่มขึ้น 21.1% ทำให้ยอดได้ดุลการค้าเพิ่มขึ้นสูงสุดทำสถิติ 29,400 ล้านเหรียญ

“เป็นความยากลำบากทางการเมือง หากจะให้จีนเพิ่มค่าเงินหยวนเนื่องจากจีนได้ดุลการค้ามาก และรัฐบาลก็มีนโยบายปกป้องการค้า” แฟรงก์ กง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีน ของเจพี มอร์แกน เชส สาขาฮ่องกง เขียนในรายงานของเขา

เจพี มอร์แกน คาดว่า เงินหยวนจะเพิ่มค่า 4.2 ถึง 6.55% ภายในปลายปี 2009 แข็งค่ากว่าค่ามาตรฐานกลางที่นักวิเคราะห์ของบลูมเบิร์กประเมินไว้ที่ 6.6 %

“ในการประชุมร่วมยุทธศาสตร์เศรษฐกิจจีน-สหรัฐ คงจะมีการเน้นว่าจีนควรพึ่งพาตลาดในประเทศมากกว่าการได้ดุลการค้า” นิโคลาส ลาร์ดี้ นักวิจัยอาวุโสแห่งสถาบันเศรษฐกิจนานาชาติปีเตอร์สัน ในกรุงวองชิงตันกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น