รอยเตอร์ - แม้วิกฤตการเงิน ที่กำลังปั่นป่วนไปทั่วโลกขณะนี้ ซัดกระหน่ำโรงงานของจีนมากมาย อาการหนักถึงขั้นตรีทูต แต่โรงงานอีกหลายรายกลับฝ่ามรสุมไปได้อย่างสบาย อันเป็นผลจากกลยุทธ์ ที่ชาญฉลาดของรัฐบาลจีนเอง
“ เราไม่รู้สึกอะไรมากนัก” เดวิด สีว์ เปิดเผย
เขาเป็นเจ้าของโรงงานผลิตโทรทัศน์คุณภาพต่ำ ซึ่งขายไม่ได้ในสหรัฐฯ และยุโรป ตลาดของเขาจึงอยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งค้าขายคล่อง เช่นซาอุดิอาระเบีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และกาต้าร์
ขณะที่เจมส์ เจียง เจอยอดสั่งซื้อสินค้าลดลง โรงงานของเขาผลิตคีย์บอร์ดดนตรีราคาถูก ส่งให้แก่ร้านในเครือของเฟร็ดส์ อิงก์ (Fred’s Inc.) ซึ่งขายสินค้าลดราคาในเมืองแถบตะวันออกเฉียงใต้และตะวันตกตอนกลางของสหรัฐฯ
“คนไม่มีสตางค์” เจียงบ่น
“ผมคิดว่ายอดสั่งสินค้าอาจลดลงถึงครึ่งหนึ่ง”
บริษัท ไชน่า จอย คีย์บอร์ดส์ (China Joy Keyboards Co.) ในเมืองฝูโจวของเจมส์ เขาจ้างพนักงานราว 500 คน ผลิตคีย์บอร์ดเดือนละ 56,000 ชิ้น โดยจีนมีโรงงานผลิตคีย์บอร์ดไฟฟ้าอยู่ในประเทศราว 20 แห่ง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนได้ขยายการส่งออกไปยังตลาดแห่งใหม่อย่างกว้างขวาง โดยปัจจุบัน ปริมาณสินค้าส่งออกทั้งหมดของจีน มีเพียงครึ่งเดียว ที่ส่งไปยังสหรัฐฯ , สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น
ส่วนที่เหลือส่งไปขายยังตลาดใหม่ ที่กำลังขยายตัว เช่น แอฟริกาใต้, รัสเซีย, อินเดีย และประเทศที่ร่ำรวยน้ำมันในตะวันออกกลาง ดังนั้น ในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ แม้โรงงานหลายแห่งกระทบกระเทือนอย่างหนัก แต่อีกหลายแห่งก็รอดพ้นไปได้
กลยุทธ์ในการขยายตลาดส่งออกอย่างหลากหลายของพญามังกรปรากฏชัดเจนในงานแสดงสินค้าแห่งกวางต่ง (Canton Trade Fair) ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่เมื่อวันพุธ (15 ต.ค.) และจัดเป็นมหกรรมแสดงสินค้าใหญ่ที่สุดในจีนและใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
ภายในงาน จะเห็นนักธุรกิจชาวอาหรับเดินข้างนักธุรกิจชาวรัสเซีย , คนชั้นกลางชาวเยอรมัน และผู้นำเข้าชาวซูดาน มีการใช้ภาษานับสิบภาษาในงาน จนต้องเรียกหาเจ้าหน้าที่ล่ามช่วยแปลกันจ้าละหวั่น
นักธุรกิจบางคนพูดถึงกรณีที่ธนาคารชาติตะวันตกล้มละลาย และตลาดหุ้นทรุดหนักราวกับเป็นเหตุการณ์ที่อยู่ห่างไกลลิบลับถึงไอซ์แลนด์เลยทีเดียว
แจ็คกี้ คิมลงรายชื่อประเทศลูกค้า มีอิหร่าน,รัสเซีย และซูดาน เขาเป็นเจ้าของบริษัท Buyang Group ซึ่งมีโรงงานอยู่ที่มณฑลเจ้อเจียง ผลิตบานประตูไม้
“ประเทศที่เราส่งออกเป็นประเทศไม่ร่ำรวย แต่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว”
จากตัวเลขของสำนักงานศุลกากรเมืองกว่างโจวระบุว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ มณฑลกวางต่งส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 57,800 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 7.9
อย่างไรก็ตาม สินค้าที่ส่งไปยังสหรัฐฯ บางประเภทนั้น ยอดสั่งซื้อสะดุดทันที เช่น เครื่องนุ่งห่ม, ของเล่น และสินค้าพลาสติก ซึ่งบ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวใกล้มาถึงแล้ว
ทั้งนี้ เมืองกว่างโจว เมืองเอกของมณฑลกว่างตง ตั้งอยู่ตรงใจกลางเขตสามเหลี่ยมเศรษฐกิจปากแม่น้ำจูเจียง และได้ชื่อว่าเป็นโรงงานสำหรับโลก เนื่องจากผลิตสินค้าราคาถูกจำนวนมหาศาล เช่นรองเท้า, เครื่องนุ่งห่ม และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีโรงงานกว่า 60,000 แห่งตั้งอยู่ในมณฑลแห่งนี้ และจ้างคนงานราว 45 ล้านคน
ด้านไซมอน เฉิง เศรษฐีนักธุรกิจ ซึ่งผลิตสินค้าหลายประเภท เช่นเครื่องประดับตกแต่งบ้าน และอุปกรณ์สันทนาการ ไปขายยังตลาดสหรัฐฯ กล่าวว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าตกลงกว่าร้อยละ40 จากเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว
ผลกระทบรุนแรงจากการส่งออก ซึ่งเจ้าของโรงงานชาวฮ่องกงในมณฑลกว่างตงได้รับนั้น ทำให้สำนักงานเศรษฐกิจและการค้าของฮ่องกงในมณฑลกว่างตงต้องเข้าแทรกแซง โดยกระตุ้นทางการจีนเร่งช่วยเหลือ
นอกจากนั้น การไม่ปล่อยสินเชื่อของธนาคารต่าง ๆ ในฮ่องกง ยังส่งผลกระทบต่อการจ่ายเงินเดือน และต้นทุนอื่น ๆ สำหรับโรงงานบางแห่งอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังมีบริษัทอีกจำนวนหนึ่งบนแผ่นดินใหญ่ ที่แทบไม่รู้สึกเดือดร้อนเช่นกันจากพิษวิกฤตการเงินโลก เนื่องจากบริษัทเหล่านี้มีรัฐถือหุ้นส่วน จึงมีช่องทางพิเศษในการได้รับสินเชื่อจากธนาคารของรัฐ