หนังสือพิมพ์สากล – หลังจากที่เป็นข่าวมาเป็นระยะว่า บริเวณเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียงนั้นมีบริษัทจับนวนมากที่ปิดตัวลง ล่าสุดทางการกวางตุ้งได้ออกสำรวจ พบว่าบริษัทที่ปิดตัวลงกว่า 90% เป็นของฮ่องกงและไต้หวัน อีกทั้งมีบริษัทเกาหลีที่ปิดตัวหนียามราตรี อย่างไรก็ตาม จีนได้ระบุว่าบริษัทใหม่ที่เข้ามาจดทะเบียนนั้นยังมีมากกว่า
สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจต่างประเทศของมณฑลกวางตุ้งได้ทำการสำรวจพบว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริเวณเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียง ได้มีการทยอยปิดโรงงานไปเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจเอสเอ็มอีเป็นหลัก และมักจะเป็นธุรกิจประเภทผลิตของเล่น เสื้อผ้า รองเท้า พลาสติกเป็นต้น กว่า 90% เป็นบริษัทจากไต้หวันและฮ่องกง ซึ่งมีมูลค่าทางธุรกิจทั้งสิ้น 121,400 ล้านหยวน อีกทั้งทำให้คนงานต้องตกงานทั้งสิ้น 13,000 คน
โดยในบริเวณดังกล่าว ได้มีการย้ายออกมากที่สุดในช่วงก่อนและหลังตรุษจีน นอกจากนั้น นายหวง หมิงจื้อ หัวหน้าสมาคมนักธุรกิจไต้หวันยังได้ประเมินว่า มีธุรกิจไต้หวัน 30% ที่ไม่ได้ปิดโรงงานออกจากบริเวณดังกล่าว แต่ก็ได้ลดปริมาณการผลิต หรือขนาดของธุรกิจลง
ในขณะที่ตอนนี้ มีนักธุรกิจชาวเกาหลีหลายคนในชิงเต่า หรือเอียนไถ ที่ปิดโรงงานหนีเอากลางดึก โดยเป็นการกระทำที่ไม่รับผิดชอบและผิดกฎหมาย ส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจประเภทสินค้าศิลปะ สิ่งทอ รองเท้าหนังเป็นต้น ส่วนมากจะเป็นบริษัทขนาดเล็ก และมีทุนจดทะเบียนแรกเริ่มราว 30,000 – 500,000 เหรียญสหรัฐฯ จนในขณะนี้ตำรวจต้องมีการจัดเวรยามรอบดึก เพื่อป้องกันการหลบหนีของบรรดาธุรกิจดังกล่าวแล้ว
เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานการค้าของฮ่องกงได้ระบุว่า “ตอนนี้ประเทศจีนกำลังประสบกับปัญหาเงินหยวนแข็งค่าขึ้น บวกกับกฎหมายแรงงานใหม่ กฎหมายควบคุมธุรกิจแปรรูป ราคาวัตถุดับที่สูงขึ้น และต้นทุนเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมอีกมาก
อย่างไรก็ตาม จากผลการสำรวจของเจ้าหน้าที่ก็พบว่า แม้จะมีผู้คนที่ย้ายออกไปเป็นจำนวนมาก แต่ก็มีบริษัทที่เข้ามาจดทะเบียนเพิ่มขึ้นไม่น้อยเช่นกัน โดยเมื่อรวมทุกประเภทแล้วมีผู้ที่มาจดทะเบียนบริษัทเพิ่มขึ้นสุทธิ 5,593 ราย
สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจต่างประเทศของมณฑลกวางตุ้งได้ทำการสำรวจพบว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริเวณเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียง ได้มีการทยอยปิดโรงงานไปเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจเอสเอ็มอีเป็นหลัก และมักจะเป็นธุรกิจประเภทผลิตของเล่น เสื้อผ้า รองเท้า พลาสติกเป็นต้น กว่า 90% เป็นบริษัทจากไต้หวันและฮ่องกง ซึ่งมีมูลค่าทางธุรกิจทั้งสิ้น 121,400 ล้านหยวน อีกทั้งทำให้คนงานต้องตกงานทั้งสิ้น 13,000 คน
โดยในบริเวณดังกล่าว ได้มีการย้ายออกมากที่สุดในช่วงก่อนและหลังตรุษจีน นอกจากนั้น นายหวง หมิงจื้อ หัวหน้าสมาคมนักธุรกิจไต้หวันยังได้ประเมินว่า มีธุรกิจไต้หวัน 30% ที่ไม่ได้ปิดโรงงานออกจากบริเวณดังกล่าว แต่ก็ได้ลดปริมาณการผลิต หรือขนาดของธุรกิจลง
ในขณะที่ตอนนี้ มีนักธุรกิจชาวเกาหลีหลายคนในชิงเต่า หรือเอียนไถ ที่ปิดโรงงานหนีเอากลางดึก โดยเป็นการกระทำที่ไม่รับผิดชอบและผิดกฎหมาย ส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจประเภทสินค้าศิลปะ สิ่งทอ รองเท้าหนังเป็นต้น ส่วนมากจะเป็นบริษัทขนาดเล็ก และมีทุนจดทะเบียนแรกเริ่มราว 30,000 – 500,000 เหรียญสหรัฐฯ จนในขณะนี้ตำรวจต้องมีการจัดเวรยามรอบดึก เพื่อป้องกันการหลบหนีของบรรดาธุรกิจดังกล่าวแล้ว
เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานการค้าของฮ่องกงได้ระบุว่า “ตอนนี้ประเทศจีนกำลังประสบกับปัญหาเงินหยวนแข็งค่าขึ้น บวกกับกฎหมายแรงงานใหม่ กฎหมายควบคุมธุรกิจแปรรูป ราคาวัตถุดับที่สูงขึ้น และต้นทุนเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมอีกมาก
อย่างไรก็ตาม จากผลการสำรวจของเจ้าหน้าที่ก็พบว่า แม้จะมีผู้คนที่ย้ายออกไปเป็นจำนวนมาก แต่ก็มีบริษัทที่เข้ามาจดทะเบียนเพิ่มขึ้นไม่น้อยเช่นกัน โดยเมื่อรวมทุกประเภทแล้วมีผู้ที่มาจดทะเบียนบริษัทเพิ่มขึ้นสุทธิ 5,593 ราย