xs
xsm
sm
md
lg

หม่าเผชิญเมฆหมอก คะแนนนิยมฮวบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 4 เดือนหลังบริหารประเทศ ประธานาธิบดี หม่า อิงจิ่ว ของไต้หวันกำลังเผชิญกับเมฆหมอกทางการเมืองครั้งใหญ่ - เอเยนซี
เอเยนซี – หม่า อิงจิ่ว เจอวิกฤตหนัก คะแนนนิยมลดฮวบ หลังนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีไต้หวันได้เพียง 4 เดือน นักวิเคราะห์ชี้ หม่าบริหารวิกฤตได้ไม่ดีพอ ทั้งเรื่องนมปนเปื้อนเมลามีนจากจีน ไต้ฝุ่นที่กระหน่ำไต้หวัน และตลาดหุ้นขาลง

อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ระบุว่า คะแนนนิยมที่ลดลงจะไม่กระเทือน นโยบายเดินหน้าสานสัมพันธ์กับจีน ที่ผ่านมาการบริหารจัดการวิกฤตที่เกิดขึ้นโดยรัฐบาลหม่า ยังไม่สามารถสร้างศรัทธาได้ดีพอ วิธีการที่รัฐบาลหม่าจัดการกับปัญหานมปนเปื้อนเมลามีนจากจีน ทำให้ประชาชนผิดหวัง ทั้งปฏิกิริยาจากภาครัฐที่เชื่องช้า และเมื่อรัฐบาลตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง มาตรการที่ออกมาก็ยิ่งสร้างความสับสน

แทนที่จะหยุดการนำเข้านมจากจีน และตรวจสอบสินค้าในประเทศอย่างทันควัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค รัฐบาลกลับอนุญาตให้มีการขายนมจากจีนต่อไป โดยรัฐมนตรีสาธารณสุขกล่าวว่า “จะยอมให้จำหน่ายผลิตภัณฑ์นมจากจีน ที่มีการปนเปื้อนสารเมลามีนในระดับต่ำ”

การกระทำดังกล่าวสร้างความวิตก และไม่พอใจในหมู่ประชาชน กระทั่งรัฐมนตรีสาธารณสุขจำต้องลาออกจากตำแหน่ง ด้านนักเคลื่อนไหวฝ่ายสนับสนุนเอกราชไต้หวัน ซึ่งเป็นฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับหม่า ก็ได้ออกมาโจมตีว่า “ที่หม่าไม่กล้าทำอะไร ก็เพราะเน้นนโยบายสานสัมพันธ์กับจีน” อย่างไรก็ตามล่าสุดทางรัฐบาลได้ออกมาเรียกร้องคำขอโทษจากจีน พร้อมระบุว่าจะเรียกร้องค่าเสียหาย จากกรณีนมปนเปื้อนที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

นอกจากวิกฤตนมปนเปื้อน การแก้ปัญหาตลาดหุ้นขาลงก็ไม่เข้าตากรรมการเท่าไรนัก รัฐบาลหม่าตัดสินใจสั่งห้ามการซื้อขายระยะสั้น พร้อมทั้งออกมาตรการลดภาษีซื้อขายหุ้น ทว่ามาตรการข้างต้นกลับไม่ช่วยอะไรมากนัก ตลาดหุ้นไต้หวันซึ่งอยู่ในขาลงติดอันดับโลก ตั้งแต่หม่าเข้ารับตำแหน่งก็ยังคงร่อแร่

ครั้นต้นเดือนตุลาคม เมื่อไต้ฝุ่นชังมีพัดถล่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กระทั่งสร้างความเสียหายมหาศาล หม่าก็มิได้เดินทางไปเยือนพื้นที่อย่างทันทีทันใด ต้องรอให้เวลาผ่านไปเกือบ 1 สัปดาห์จึงจะลงพื้นที่
หม่าถูกอัดยับ หลี่สอนมวยบริหารประเทศ

แอนดรูว์ หยาง เลขาธิการ ศูนย์ศึกษานโยบาย ซึ่งตั้งอยู่ในไทเประบุว่า “ผู้คนต่างตั้งคำถามต่อความสามารถในการนำ และความสามารถในการบริหารวิกฤตของหม่า” “ในฐานะประธานาธิบดี หม่าควรจะกระตุ้นเตือนคณะรัฐมนตรี ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่านี้” หลี่ เติงฮุย อดีตประธานาธิบดีไต้หวันกล่าว

ทั้งนี้ผลสำรวจระบุว่าคะแนนนิยมของหม่าลดลงต่ำกว่า 30% นับว่าเป็นคะแนนที่ต่ำพอสมควร เมื่อเทียบกับคะแนนเสียงที่เขาได้รับในการเลือกตั้งเดือนมีนาคมที่ 58%

หลี่ระบุว่า ด้านนโยบายสานสัมพันธ์กับแผ่นดินใหญ่ หม่าได้แสดงท่าทีเชิงบวกต่อจีนอย่างมาก อย่างไรก็ตามทางปักกิ่งมิได้ตอบสนองหม่ามากนัก จีนยังคงคัดค้านมิให้ไต้หวันเข้าไปเป็นผู้สังเกตการณ์ในสมัชชาอนามัยโลก ซึ่งเป็นหน่วยกำหนดนโยบายขององค์การอนามัยโลก นอกจากนี้ปักกิ่งยังไม่ได้แสดงท่าที ที่จะลงนามข้อตกลงสันติภาพระหว่างช่องแคบ ทั้งยังปราศจากการแสดงท่าที่ว่า จะถอนขีปนาวุธนับร้อยที่เล็งมายังไต้หวันออกไป

การบินตรงระหว่างจีน-ไต้หวันซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฏาคม ก็มิได้ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นตามเป้าที่หม่าตั้งไว้คือ 3,000 คนต่อวัน จำนวนนักท่องเที่ยว ณ ปัจจุบันอยู่ที่ไม่กี่ร้อยเท่านั้น ในทางตรงข้ามชาวไต้หวันเสียอีกที่เพิ่มจำนวน ไปท่องเที่ยวจับจ่ายที่จีนมากขึ้น นอกจากนี้จีนก็ยังไม่ยอมให้มีการเปิดเส้นทางบินขนส่งสินค้าทางอากาศโดยตรง ซึ่งจะสร้างประโยชน์ให้กับนักธุรกิจไต้หวันที่เข้าไปลงทุนในจีน

หลี่กล่าวว่า “ประชาชนหลายกลุ่มแสดงทัศนะว่า หม่าเดินหน้าโหมสานสัมพันธ์จีนเร็วเกินไป” “หม่าพยายามให้เกิดการลงนามข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดระหว่างจีนกับไต้หวัน คล้ายกับที่จีนทำกับฮ่องกง แน่นอนว่าความพยายามสานสัมพันธ์กับจีนเป็นสิ่งดี แต่ในด้านหนึ่งก็มีผลเสีย หากหม่าไม่คำนึงถึงอธิปไตยไต้หวัน นโยบายหม่าอาจทำให้ไต้หวันกลายเป็นฮ่องกง 2 และสิ่งที่เราทำกันมาก็จะสูญเปล่า” หลี่กล่าว

ล่าสุดหม่าได้กล่าวถึงเป้าหมายการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ตั้งไว้ว่า อาจทำไม่ได้ดังหวัง คงต้องรอกระทั่งช่วงปลายเทอมของรัฐบาล ทั้งนี้หม่าเคยสัญญาว่า จะผลักดันให้เศรษฐกิจโต 6% ต่อปี ทำให้อัตราว่างงานต่ำกว่า 3% และเพิ่มรายได้ต่อหัวให้อยู่ในระดับมากกว่า 30,000 เหรียญสหรัฐฯ
เผยเหตุทำไมหม่าจึงช้า

ทั้งนี้นักวิเคราะห์ต่างสงสัยว่า เหตุใดหม่าจึงไม่สามารถบริหารวิกฤตได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลี่ระบุว่าปัญหาส่วนหนึ่ง เกิดจากหม่ายึดติดบทบาทหน้าที่ประธานาธิบดีตามที่รัฐธรรมนูญระบุไว้อย่างเคร่งครัด กล่าวคือประธานาธิบดีมีหน้าที่ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ, ความสัมพันธ์ช่องแคบ และความมั่นคงเท่านั้น ดังนั้นหม่าจึงกล่าวว่า การบริหารงานรายวันควรเป็นหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี “นี่เป็นสิ่งที่เฉิน สุยเปี่ยน ประธานาธิบดีคนก่อนไม่เคยทำ” หลี่กล่าว

หลี่ระบุว่า “บางคนกล่าวว่าพรรคกั๋วหมินตั่ง (ก๊กมินตั๋ง) ของหม่า มิได้เป็นรัฐบาลเสียนาน พอมาตอนนี้เลยสนิมเขรอะ ทำงานเชื่องช้า ”

อย่างไรก็ตาม ส.ส. ไช่ จินหลง อดีตเลขาธิการพรรคกั๋วหมินตั่งระบุว่า “รัฐบาลเพิ่งเข้ามาบริหารงานเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมนี้เอง ประชาชนควรอดทนกับรัฐบาลหม่ามากกว่านี้”

"บางเรื่องรัฐบาลก็น่าจะทำได้ดีกว่านี้ ฉะนั้นเมื่อผลงานออกมาแย่ ประชาชนก็ผิดหวังเป็นธรรมดา แต่อย่าลืมว่า รัฐบาลหม่าเพิ่งเข้ามาทำงานได้เพียง 4-5 เดือน” ไช่กล่าว

ไช่โยนเหตุของปัญหาส่วนหนึ่งให้กับโชคชะตาที่เล่นตลก กับผลพวงที่เกิดจากรัฐบาลชุดที่แล้ว

" 8 ปีที่ผ่านมาชาวไต้หวันผิดหวังกับระบบมาก พวกเขาจึงหวังว่า หม่าจะนำประเทศก้าวไปข้างหน้า ทว่าโชคร้ายที่ตั้งแต่หม่าเข้ารับตำแหน่ง เราก็ต้องเผชิญกับหลายสิ่ง ทั้งปัญหาอื้อฉาวของอดีตประธานาธิบดี เฉิน สุยเปี่ยน, วิกฤตการเงินโลก, นมปนเปื้อนจากจีน และไต้ฝุ่นถล่มเมื่อต้นเดือน อย่างไรก็ตามผมยังมั่นใจในตัวหม่า ช่วงครึ่งหลังของปี ประเทศของเราจะดีขึ้น” ไช่กล่าว

“เราหันหลังกลับไม่ได้แล้ว ตอนนี้จีนเป็นคู่ค้าที่มีสัดส่วนในการค้าต่างประเทศของไต้หวันถึง 36% และตั้งแต่เดือนตุลาคมสัดส่วนนักท่องเที่ยวจากแผ่นดินใหญ่ก็เพิ่มขึ้นเป็น 1,000 คนต่อวัน หนทางข้างหน้าคือการอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างจีน-ไต้หวัน มีเพียงทางนี้เท่านั้นที่เศรษฐกิจของเราจะรุ่งเรือง” ไช่กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น