รอยเตอร์ – รัฐบาลปักกิ่งประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีก-ส่งน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นสูงสุด 4% เพื่อสนับสนุนผู้กลั่นน้ำมันผลิตเชื้อเพลิง “ยูโร4” ที่คุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น สวนทางราคาน้ำมันโลกที่ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (6 ต.ค.) ราคาตกเหลือ 89 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล คาดมาจากวิกฤตเศรษฐกิจ ฉุดอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกดิ่ง
หลายปีที่ผ่านมา น้อยครั้งที่รัฐบาลกลางจะยอมตัดสินใจปรับขึ้นราคาน้ำมันในประเทศ เนื่องจากหวั่นเกรงว่าต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นจะไปกระตุ้นเงินเฟ้อและก่อให้เกิดความวุ่นวายในสังคม
แต่ล่าสุดทางคณะกรรมการปฏิรูปและพัฒนาแห่งปักกิ่งได้ออกมาประกาศปรับขึ้นราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในเมืองหลวง โดยตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป ราคาน้ำมันเบนซินในปักกิ่งจะแพงขึ้นอีก 200 หยวนต่อตัน (29.18 เหรียญสหรัฐ) หรือประมาณ 2% น้ำมันดีเซลปรับราคาขึ้นอีก 290 หยวนต่อตัน หรือประมาณ 4% ขณะที่ราคาขายส่งก็ได้ปรับเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ความเคลื่อนไหวข้างต้นนั้นสวนกระแสราคาเชื้อเพลิงโลกที่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (6 ต.ค.) ได้ปรับลดลงเหลือ 89 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยคาดว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากวิกฤตการณ์ทางการเงินที่ขยายวงขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งชะลอความต้องการน้ำมันจากทั่วโลก
โดยคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งเมืองปักกิ่งเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพื่อเป็นการลดภาระด้านค่าใช้จ่ายให้แก่โรงกลั่นน้ำมันในการผลิตเชื้อเพลิงมาตรฐานยูโร4 ที่มีราคาสูงขึ้น แต่ก็เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่ามาตรฐานเดิม
ทั้งนี้ ในช่วงเตรียมการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก 2008 ที่ผ่านมา ปักกิ่งพยายามขุดมาตรการต่างๆ ขึ้นมาอย่างทุลักทุเล กว่าจะสามารถเคลียร์หมอกควันเหนือเมืองหลวงจีนไปได้ โดยทุกวันนี้ชาวปักกิ่งที่มีรายได้มากขึ้นและตระหนักเกี่ยวกับเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างดีต่างต้องการให้สภาพอากาศภายในเมืองพัฒนาขึ้น กระตุ้นให้แกนนำรัฐบาลตัดสินใจผลักดันมาตรการควบคุมรถยนต์ฉบับถาวร พร้อมทั้งตั้งเป้าพัฒนาระบบขนส่งมวลชนและจำกัดจำนวนรถยนต์ใหม่ๆ ที่จะออกสู่ท้องถนนในแต่ละปีเพื่อควบคุมมลภาวะ
และก่อนการแข่งขันโอลิมปิกเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทางการปักกิ่งเองก็เคยลั่นว่าจะพัฒนามาตรฐานเชื้อเพลิงยูโร4 และเชื้อเพลิงที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตามบริษัทผู้กลั่นน้ำมันที่เผชิญกับภาวะขาดทุนหลายปีที่ผ่านมา อาจเป็นฝ่ายกดดันให้ทางการเมืองปักกิ่งควักกระเป๋าช่วยเหลือพวกเขาลงทุนผลิตเชื้อเพลิงคุณภาพสูงขึ้น โดยนับตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา ราคาเชื้อเพลิงในประเทศจีนเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว แต่ก็ยังต่ำกว่าราคาในตลาดโลกมาก ทำให้ผู้ผลิตพลังงานรายหลักของประเทศ อย่าง ซิโนเปก และ ปิโตรไชน่า ต้องแบกรับภาระขาดทุนจากการจำหน่ายเชื้อเพลิงกลั่นแล้วมาตลอด
