เดอะ วอลล์ สตรีต เจอร์นัล – แหล่งข่าววงในระบุ ปิโตรไชน่าตกลงเข้าซื้อหุ้นที่เหลือร้อยละ 50 ซึ่งไชน่า เนชั่นแนล ปิโตรเลียม หรือCNPC บริษัทแม่ของปิโตรไชน่าถือครองอยู่ในบริษัทสำรวจและพัฒนาซีเอ็นพีซี (CNPC Exploration & Development) แล้วด้วยข้อตกลงซื้อขายมูลค่า 11,800 ล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ ปิโตรไชน่า ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ร่วมลงทุนระหว่างประเทศกับCNPC โดยถือหุ้นคนละร้อยละ 50 ในบริษัทสำรวจและพัฒนาซีเอ็นพีซี หรือ CNPC E&D ซึ่งก่อตั้งในปี 2548 เพื่อควบคุมแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติส่วนใหญ่ของกลุ่ม
มีการคาดหมายกันอย่างกว้างขวางมาก่อนหน้าแล้วในปีนี้เกี่ยวกับการเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว แต่การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันซึ่งขณะนี้สูงกว่าระดับเมื่อมีการลงทุนร่วมกันถึงราว 2 เท่า ทำให้ราคาหุ้นที่จะเข้าซื้อปรับขึ้น
การเข้าซื้อหุ้นที่เหลือจะช่วยส่งเสริมบทบาทของปิโตรไชน่าให้โดดเด่นขึ้น เนื่องจากได้ครอบครองแหล่งก๊าซธรรมชาติและน้ำมันที่สำคัญเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนอาจวิตกเกี่ยวกับต้นทุนในการเข้าซื้อหุ้นที่สูง
แหล่งข่าววงในยังเปิดเผยอีกว่า ปิโตรไชน่าต้องการระดมทุนสำหรับการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ด้วยการออกหุ้นใหม่ในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ แต่ยังกังวลเกี่ยวกับสภาวการณ์ในตลาดหุ้นที่ไม่สดใสในขณะนี้
ด้านโฆษกของปิโตรไชน่าระบุว่า บริษัทยังไม่มีแผนการออกหุ้นกระดานเอในเร็ว ๆ นี้ โดยระบุว่า ปิโตรไชน่ายังไม่ตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับการเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว
ทั้งนี้ หุ้นของปิโตรไชน่าปรับขึ้นร้อยละ 3.1 มาอยู่ที่ 9.94 ดอลลาร์ฮ่องกง (1.27 ดอลลาร์สหรัฐฯ ) ที่ตลาดอ่องกงเมื่อวันจันทร์ (25 สิงหาคม) โดยปิโตรไชน่าจะประกาศผลกำไรสุทธิของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ในวันพุธ (27 สิงหาคม)
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าววงในยืนยันว่า มีการตกลงกันเป็นที่ร้อยแล้วเมื่อสิ้นเดือนเมษายนเกี่ยวกับราคาหุ้นCNPC E&D ที่จะเข้าซื้อ แต่ได้มีการพักเรื่องข้อตกลงอยู่หลายเดือน เหตุผลส่วนหนึ่ง เนื่องจากหลายฝ่ายมีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับกับการจ่ายภาษีสำหรับกำไรจากการซื้อขายครั้งนี้
แต่ต่อมารัฐบาลจีนได้ตกลงที่จะยกเว้นCNPC ไม่ต้องชำระภาษีกำไรจากการขายซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้นราว 2,700 ล้านดอลลาร์แล้ว
ในการทำข้อตกลงในการลงทุนร่วมกับCNPCเมื่อเดือนมิถุนายน 2548 นั้น ปิโตรไชน่าได้จ่ายเงินไปจำนวน20,740 ล้านหยวน โดยข้อตกลงครั้งนั้นมีมูลค่าถึง 3,000 ล้านดอลลาร์ตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในขณะนี้
การลงทุนร่วมกันดังกล่าวมีสินทรัพย์ในความครอบครองในกว่า 10 ประเทศ เช่นคาซัคสถาน, เวเนซูเอล่า, อัลจีเรีย,เปรู,โอมาน,แคนาดา,ชาด,อินโดนีเชีย และเอกวาดอร์
สินทรัพย์สำคัญใน CNPC E&D ได้แก่บริษัทปิโตรคาซัคสถาน (PetroKazakhstan Inc.) ซึ่งผลิตน้ำมันดิบได้มากกว่า 10 ล้านตันในปีที่แล้ว หรือเฉลี่ยประมาณ 2 แสนบาร์เรลต่อวัน
อย่างไรก็ตาม การลงทุนนี้ไม่รวมถึงสินทรัพย์น้ำมันและก๊าซธรรมชาติของCNPC ในซูดาน ซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหวทางการเมือง และเป็นเป้าโจมตีของนักรณรงค์ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นให้นักลงทุนเทขายหุ้นของปิโตรไชน่า
ก่อนหน้านี้ ปิโตรไชน่า ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ร่วมลงทุนระหว่างประเทศกับCNPC โดยถือหุ้นคนละร้อยละ 50 ในบริษัทสำรวจและพัฒนาซีเอ็นพีซี หรือ CNPC E&D ซึ่งก่อตั้งในปี 2548 เพื่อควบคุมแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติส่วนใหญ่ของกลุ่ม
มีการคาดหมายกันอย่างกว้างขวางมาก่อนหน้าแล้วในปีนี้เกี่ยวกับการเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว แต่การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันซึ่งขณะนี้สูงกว่าระดับเมื่อมีการลงทุนร่วมกันถึงราว 2 เท่า ทำให้ราคาหุ้นที่จะเข้าซื้อปรับขึ้น
การเข้าซื้อหุ้นที่เหลือจะช่วยส่งเสริมบทบาทของปิโตรไชน่าให้โดดเด่นขึ้น เนื่องจากได้ครอบครองแหล่งก๊าซธรรมชาติและน้ำมันที่สำคัญเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนอาจวิตกเกี่ยวกับต้นทุนในการเข้าซื้อหุ้นที่สูง
แหล่งข่าววงในยังเปิดเผยอีกว่า ปิโตรไชน่าต้องการระดมทุนสำหรับการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ด้วยการออกหุ้นใหม่ในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ แต่ยังกังวลเกี่ยวกับสภาวการณ์ในตลาดหุ้นที่ไม่สดใสในขณะนี้
ด้านโฆษกของปิโตรไชน่าระบุว่า บริษัทยังไม่มีแผนการออกหุ้นกระดานเอในเร็ว ๆ นี้ โดยระบุว่า ปิโตรไชน่ายังไม่ตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับการเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว
ทั้งนี้ หุ้นของปิโตรไชน่าปรับขึ้นร้อยละ 3.1 มาอยู่ที่ 9.94 ดอลลาร์ฮ่องกง (1.27 ดอลลาร์สหรัฐฯ ) ที่ตลาดอ่องกงเมื่อวันจันทร์ (25 สิงหาคม) โดยปิโตรไชน่าจะประกาศผลกำไรสุทธิของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ในวันพุธ (27 สิงหาคม)
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าววงในยืนยันว่า มีการตกลงกันเป็นที่ร้อยแล้วเมื่อสิ้นเดือนเมษายนเกี่ยวกับราคาหุ้นCNPC E&D ที่จะเข้าซื้อ แต่ได้มีการพักเรื่องข้อตกลงอยู่หลายเดือน เหตุผลส่วนหนึ่ง เนื่องจากหลายฝ่ายมีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับกับการจ่ายภาษีสำหรับกำไรจากการซื้อขายครั้งนี้
แต่ต่อมารัฐบาลจีนได้ตกลงที่จะยกเว้นCNPC ไม่ต้องชำระภาษีกำไรจากการขายซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้นราว 2,700 ล้านดอลลาร์แล้ว
ในการทำข้อตกลงในการลงทุนร่วมกับCNPCเมื่อเดือนมิถุนายน 2548 นั้น ปิโตรไชน่าได้จ่ายเงินไปจำนวน20,740 ล้านหยวน โดยข้อตกลงครั้งนั้นมีมูลค่าถึง 3,000 ล้านดอลลาร์ตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในขณะนี้
การลงทุนร่วมกันดังกล่าวมีสินทรัพย์ในความครอบครองในกว่า 10 ประเทศ เช่นคาซัคสถาน, เวเนซูเอล่า, อัลจีเรีย,เปรู,โอมาน,แคนาดา,ชาด,อินโดนีเชีย และเอกวาดอร์
สินทรัพย์สำคัญใน CNPC E&D ได้แก่บริษัทปิโตรคาซัคสถาน (PetroKazakhstan Inc.) ซึ่งผลิตน้ำมันดิบได้มากกว่า 10 ล้านตันในปีที่แล้ว หรือเฉลี่ยประมาณ 2 แสนบาร์เรลต่อวัน
อย่างไรก็ตาม การลงทุนนี้ไม่รวมถึงสินทรัพย์น้ำมันและก๊าซธรรมชาติของCNPC ในซูดาน ซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหวทางการเมือง และเป็นเป้าโจมตีของนักรณรงค์ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นให้นักลงทุนเทขายหุ้นของปิโตรไชน่า