จีนโล่งเงินเฟ้อเดือนก.ค.ทุเลาลง เปิดทางลุยกระตุ้นศก.เต็มไม้เต็มมือ

เอเจนซี- อัตราเงินเฟ้อจีนทุเลาลงเป็นเดือนที่สามติดต่อกันในเดือนกรกฎาคมนี้ เปิดทางรัฐบาลลุยกระตุ้นเศรษฐกิจขยายตัวอย่างเต็มไม้เต็มมือมากขึ้น กลุ่มเศรษฐกรชี้

สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานในวันอังคาร(12 ส.ค.) ดัชนีผู้บริโภคหรือซีพีไอ ซึ่งเป็นปรอทวัดเงินเฟ้อเดือนกรกฎาคม ลงมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 6.3 ลดลงจากระดับร้อยละ 7.1 ของเดือนมิถุนายน และระดับร้อยละ 7.7 ของเดือนพฤษภาคม

หวัง ชิ่ง เศรษฐกรมอร์แกน สแตนเลย์ในฮ่องกง ชี้สถานการณ์เศรษฐกิจจีนโดยทั่วๆไปว่าทั้งเงินเฟ้อ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจกำลังผ่อนเพลาลง เงื่อนไขดังกล่าวเปิดทางให้รัฐบาลคลายมาตรการสกัดการปล่อยสินเชื่อและการควบคุมราคา โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาพลังงาน เพื่อที่จะกระตุ้นอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจ

เงื่อนไขทางเศรษฐกิจของจีนจะพลิกเปลี่ยนไปอย่างมากจากเมื่อต้นปี ซึ่งตอนนี้ อัตราเงินเฟ้อพุ่งกระฉูดแตะระดับสูงในรอบเกือบ 12 ปี สร้างความเสี่ยงในการหั่นอำนาจซื้อของประชาชนทั่วไป

สำหรับปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อจีนทุเลาลง สืบเนื่องมาจากการทะยานขึ้นของราคาสินค้าในชีวิตประจำวัน ลดความร้อนแรงลง โดยค่าใช้จ่ายด้านอาหารสูงขึ้นร้อยละ 14.4 ลดลงจากระดับร้อยละ 17.3 ในเดือนมิถุนายน

แม้อัตราเงินเฟ้อ ยังคงเป็นปัญหา แต่มาตรการควบคุมเงินเฟ้อก็จะไม่เป็นภาระหนักอันดับหนึ่งที่ต้องแก้ไข นับเป็นโชคดีของรัฐบาลที่กำลังเผชิญภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวอยู่ด้วย

เศรษฐกิจจีนมีขนาดใหญ่อันดับ 4 ของโลก มีอัตราเติบโตร้อยละ 10.4 ในครึ่งปีแรกของปีนี้ ต่ำกว่าระดับร้อยละ 11.9 ของทั้งปี 2007

การมัวมุ่งแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และการเติบโตในภาคส่งออกที่ตกต่ำ ทำให้ผู้นำจีนตกอยู่ในสภาพหนีเสือปะจระเข้ แต่ในที่สุด กลุ่มผู้นำองค์กรอำนาจสูงสุดกรมการเมืองหรือโปลิตปูโรแห่งพรรคคอมมิวนิสต์ ก็ได้ประกาศเมื่อเดือนที่แล้ว เลือกกระตุ้นอัตราเติบโต เบนเข็มจากการมุ่งแก้ไขเงินเฟ้อ มาระดมมาตรการเพื่อรักษาอัตราเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีเสถียรภาพ

“การที่เงินเฟ้อผ่อนเพลาลง สะท้อนว่ามาตรการควบคุมมหภาคที่รัฐบาลระดมมาใช้นั้น ส่งประสิทธิผล ทั้งยังช่วยลดความวิตกของนักลงทุน ที่กลัวว่าการใช้นโยบายผิดพลาด และหนุนส่งโอกาสในการปรับเปลี่ยนไปสู่นโยบายขยายอัตราเติบโต” Jing Ulrich ประธานด้านหุ้นจีน ของเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค ระบุในรายงานที่จัดทำให้ลูกค้า

ขณะนี้ นักเศรษฐศาสตร์หลายคนคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อจีนในปีนี้ จะอยู่ที่ระดับร้อยละ 6-7 และร้อยละ 4-5 ในปีหน้า จัดเป็นระดับที่สูงไม่น้อยเมื่อเทียบกับอัตราเฉลี่ยร้อยละ 1 ของเงินเฟ้อจีนในทศวรณษที่ผ่านมา 

อย่างไรก็ตาม ในวันจันทร์(11 ส.ค.) ทางการจีนรายงานอัตราเงินเฟ้อภาคค้าส่งเดือนกรกฎาคม สูงร้อยละ 10 นับเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 12 ปี อันเนื่องมาจากปัจจัยค่าใช้จ่ายด้สนพลังงานและวัตถุดิบที่ยังสูงขึ้นอย่างดุเดือด และเป็นที่คาดว่าสภาพดังกล่าวจะกดดันให้บริษัทขึ้นราคาสินค้า ผลักภาระให้แก่ผู้บริโภค เพื่อกระเตื้องกำไร