เอเจนซี-ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาเศรษฐกิจและมาตรการที่รัฐบาลจีนกำลังใช้เยียวยา คณะกรรมการกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์หรือโปลิตปูโรก็ได้เปิดการประชุมโดยมีประธานาธิบดีหู จิ่นเทาเป็นประธาน ชี้จีนกำลังเผชิญหาปัญหาท้าทายในการรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว ธนาคารกลางเผยเตรียมงัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงานการตัดสินใจของกลุ่มนำโปลิตปูโรกว่า 20 คน ซึ่งเป็นกลุ่มผู้นำระดับชี้ขาดการตัดสินใจระดับชาติ
“จีนประสบความยากลำบากมากขึ้นในการประคับประคองการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีเสถียรภาพ เนื่องจากผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก และทั้งปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศเอง” สำนักข่าวซินหัวอ้างการถกปัญหาในที่ประชุมเมื่อวันศุกร์(25 ก.ค.)
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมก็ได้ยืนยันให้ความสำคัญการขจัดปัญหาเงินเฟ้อในอันดับต้นๆ
การประชุมนี้ มีขึ้นหลังจากที่ผู้นำระดับสูงสุดเหล่านี้ ได้เดินสายลงพื้นที่ดูสถานการณ์ตามมณฑลต่างๆทางภาคตะวันออกและภาคใต้ที่เป็นศูนย์กลางส่งออกและแหล่งอุตสาหกรรมของประเทศเมื่อต้นเดือน
กลุ่มนักวิเคราะห์หยั่งวัดน้ำเสียงของกลุ่มผู้นำสูงสุดจีน ชี้ว่ามันเป็นการปรับเปลี่ยนเล็กๆโดยผละจากนโยบายที่มุ่งควบคุมเงินเฟ้อ มาสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจนั่นเอง ซึ่งการตัดสินใจนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่มีหลักฐานบ่งชี้มากขึ้นว่า เศรษฐกิจจีนซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกนั้น ยังร้อน แต่ก็ไม่ร้อนจนเกินไป
“จีนได้บรรลุเป้าหมายสกัดภาวะเศรษฐกิจร้อนเกิน ดังนั้น จึงสามารถบ่ายหน้ามามุ่งรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและสร้างหลักประกันการขยายตัวที่เร็วมากขึ้น” หลี่ ฮุ่ยหย่ง เศรษฐกรประจำเสินอิ๋น วั่งกั๋ว ซีเคียวริตี้ ซึ่งมีฐานในเซี่ยงไฮ้กล่าว
นอกจากนี้ ในการประชุมอีกแห่งระหว่างนายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่า กลุ่มผู้นำมณฑล และเศรษฐกร นายกฯเวินได้ย้ำถึงการขยายอัตราเติบโตระยะยาว “ประเทศควรมุ่งรักษาอัตราเติบโตที่เสถียรและเป็นไปในจังหวะก้าวที่เร็วขึ้น”เว็บไซต์รัฐบาลจีนได้อ้างคำกล่าวของเวิน ซึ่งเขายังเพิ่มเติมอีกว่า “นี่ไม่ใช่งานสำหรับปีนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นงานในอีก2-3 ปีข้างหน้าด้วย”
ทั้งนี้ เศรษฐกิจประเทศจีนครึ่งปีแรกของปี 2008 นี้ เริ่มบ่ายหน้าชะลอตัวตัวลง ที่ระดับร้อยละ 10.4 ลดจากระดับร้อยละ 11.9 ของตลอดปี 2007 นอกจากนี้ ตัวเลขยอดเกินดุลการค้าก็หดลงเกือบร้อยละ 12 สืบเนื่องจากความต้องการจากต่างชาติที่อ่อนตัวลง และค่าเงินหยวนที่แข็งค่าขึ้น
สำหรับเงินเฟ้อครึ่งปีแรก อยู่ที่ระดับร้อยละ 7.9 ลดลงมาหน่อยจากระดับสูงในรอบเกือบ 12 ปีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งทุบสถิติที่ระดับร้อยละ 8.7
ในการประชุมร่วมกับสมาคมธุรกิจอุตสาหกรรมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีหู จิ่นเทาได้ย้ำถึงการขยายการบริโภค และรักษาอัตราการส่งออกที่คงเส้นคงวา โดยรัฐบาลจะออกมาตรการส่งเสริมซับพลายอาหาร ถ่านหิน และน้ำมัน เพื่อควบคุมราคา
ในวันอาทิตย์(27 ก.ค.) ธนาคารประชาชนจีนหรือธนาคารกลางจีนก็ได้แถลงว่าธนาคารกำลังสร้างเงื่อนไขสำหรับ “การเติบโตอย่างรวดเร็ว” ในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ แม้ยังมีภัยคุกคามด้านเงินเฟ้อ โดยจะใช้เครื่องมือทางการเงินหลายอย่างสำหรับสร้างเงื่อนไขให้เศรษฐกิจโตต่อไปอย่างค่อนข้างรวดเร็วและเสถียร
นอกจากนี้ ธนาคารกลางยังได้ย้ำสัญญาปรับปรุงระบบอัตราแลกเปลี่ยน และเพิ่มความยืดหยุ่นในอัตราแลกเปลี่ยนหยวน
โต้เงินร้อนไม่เลวร้าย
เมื่อวันจันทร์ (28 ก.ค.) กลุ่มที่ปรึกษาเศรษฐกิจในรัฐบาลจีนยังได้โต้กระแสวิกฤตเงินร้อนจีน โดยชี้ว่ารัฐบาลไม่จำเป็นต้องวิตกมากเกี่ยวกับพวกทุนเก็งกำไรที่ไหลเข้า-ออกจีน เนื่องจากปริมาณเงินเหล่านี้ ไม่มากมหาศาล
สืบเนื่องจากทุนสำรองสกุลเงินต่างประเทศจีน ซึ่งครองแชมป์มูลค่ามากที่สุดในโลก ได้ขยายเพิ่ม 280,600 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงครึ่งปีแรก สร้างกระแสวิตกว่าจะยิ่งโหมทุนเก็งกำไรเข้ามาในประเทศ และรัฐบาลก็ได้ออกมาตรการหลายชุดเพื่อสกัดเงินร้อนในภาคต่างๆ
หลี่ หยังนักวิจัยอาวุโสแห่งสถานบันบัณฑิตยสถานด้านสังคมศาสตร์ ซึ่งเป็นคลังสมองระดับสูงสุดของจีน ชี้ระหว่างให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์พีเพิล เดลี่ว่า ปัญหาทุนเก็งกำไรไม่น่าวิตกอย่างที่กล่าวกัน เนื่องจากพวกทุนเก็งกำไรที่ไหลมาเข้า ไม่ว่าในแง่ขนาดหรือพลังของมันนั้น ไม่อาจส่งผลสะเทือนต่อเศรษฐกิจและตลาดเงินได้เลย
หลี่อดีตที่ปรึกษาธนาคารกลาง ประมาณว่าทุนที่อาจไหลออกจากประเทศ อยู่ที่ระหว่าง 280,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 520,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น ซึ่งนับเป็นสัดส่วนน้อยมาก เมื่อเทียบกับทุนสำรองอัตราแลกเปลี่ยนขนาด 1.81 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้ หลี่ปฏิเสธกระแสคาดการณ์จากสถาบันบัณฑิตยสถานแห่งอื่นๆ ที่มีรายงานอย่างกว้างขวางว่า มีเงินร้อนเข้ามาในจีนมากถึง 1.75 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ.
“จีนประสบความยากลำบากมากขึ้นในการประคับประคองการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีเสถียรภาพ เนื่องจากผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก และทั้งปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศเอง” สำนักข่าวซินหัวอ้างการถกปัญหาในที่ประชุมเมื่อวันศุกร์(25 ก.ค.)
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมก็ได้ยืนยันให้ความสำคัญการขจัดปัญหาเงินเฟ้อในอันดับต้นๆ
การประชุมนี้ มีขึ้นหลังจากที่ผู้นำระดับสูงสุดเหล่านี้ ได้เดินสายลงพื้นที่ดูสถานการณ์ตามมณฑลต่างๆทางภาคตะวันออกและภาคใต้ที่เป็นศูนย์กลางส่งออกและแหล่งอุตสาหกรรมของประเทศเมื่อต้นเดือน
กลุ่มนักวิเคราะห์หยั่งวัดน้ำเสียงของกลุ่มผู้นำสูงสุดจีน ชี้ว่ามันเป็นการปรับเปลี่ยนเล็กๆโดยผละจากนโยบายที่มุ่งควบคุมเงินเฟ้อ มาสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจนั่นเอง ซึ่งการตัดสินใจนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่มีหลักฐานบ่งชี้มากขึ้นว่า เศรษฐกิจจีนซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกนั้น ยังร้อน แต่ก็ไม่ร้อนจนเกินไป
“จีนได้บรรลุเป้าหมายสกัดภาวะเศรษฐกิจร้อนเกิน ดังนั้น จึงสามารถบ่ายหน้ามามุ่งรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและสร้างหลักประกันการขยายตัวที่เร็วมากขึ้น” หลี่ ฮุ่ยหย่ง เศรษฐกรประจำเสินอิ๋น วั่งกั๋ว ซีเคียวริตี้ ซึ่งมีฐานในเซี่ยงไฮ้กล่าว
นอกจากนี้ ในการประชุมอีกแห่งระหว่างนายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่า กลุ่มผู้นำมณฑล และเศรษฐกร นายกฯเวินได้ย้ำถึงการขยายอัตราเติบโตระยะยาว “ประเทศควรมุ่งรักษาอัตราเติบโตที่เสถียรและเป็นไปในจังหวะก้าวที่เร็วขึ้น”เว็บไซต์รัฐบาลจีนได้อ้างคำกล่าวของเวิน ซึ่งเขายังเพิ่มเติมอีกว่า “นี่ไม่ใช่งานสำหรับปีนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นงานในอีก2-3 ปีข้างหน้าด้วย”
ทั้งนี้ เศรษฐกิจประเทศจีนครึ่งปีแรกของปี 2008 นี้ เริ่มบ่ายหน้าชะลอตัวตัวลง ที่ระดับร้อยละ 10.4 ลดจากระดับร้อยละ 11.9 ของตลอดปี 2007 นอกจากนี้ ตัวเลขยอดเกินดุลการค้าก็หดลงเกือบร้อยละ 12 สืบเนื่องจากความต้องการจากต่างชาติที่อ่อนตัวลง และค่าเงินหยวนที่แข็งค่าขึ้น
สำหรับเงินเฟ้อครึ่งปีแรก อยู่ที่ระดับร้อยละ 7.9 ลดลงมาหน่อยจากระดับสูงในรอบเกือบ 12 ปีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งทุบสถิติที่ระดับร้อยละ 8.7
ในการประชุมร่วมกับสมาคมธุรกิจอุตสาหกรรมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีหู จิ่นเทาได้ย้ำถึงการขยายการบริโภค และรักษาอัตราการส่งออกที่คงเส้นคงวา โดยรัฐบาลจะออกมาตรการส่งเสริมซับพลายอาหาร ถ่านหิน และน้ำมัน เพื่อควบคุมราคา
ในวันอาทิตย์(27 ก.ค.) ธนาคารประชาชนจีนหรือธนาคารกลางจีนก็ได้แถลงว่าธนาคารกำลังสร้างเงื่อนไขสำหรับ “การเติบโตอย่างรวดเร็ว” ในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ แม้ยังมีภัยคุกคามด้านเงินเฟ้อ โดยจะใช้เครื่องมือทางการเงินหลายอย่างสำหรับสร้างเงื่อนไขให้เศรษฐกิจโตต่อไปอย่างค่อนข้างรวดเร็วและเสถียร
นอกจากนี้ ธนาคารกลางยังได้ย้ำสัญญาปรับปรุงระบบอัตราแลกเปลี่ยน และเพิ่มความยืดหยุ่นในอัตราแลกเปลี่ยนหยวน
โต้เงินร้อนไม่เลวร้าย
เมื่อวันจันทร์ (28 ก.ค.) กลุ่มที่ปรึกษาเศรษฐกิจในรัฐบาลจีนยังได้โต้กระแสวิกฤตเงินร้อนจีน โดยชี้ว่ารัฐบาลไม่จำเป็นต้องวิตกมากเกี่ยวกับพวกทุนเก็งกำไรที่ไหลเข้า-ออกจีน เนื่องจากปริมาณเงินเหล่านี้ ไม่มากมหาศาล
สืบเนื่องจากทุนสำรองสกุลเงินต่างประเทศจีน ซึ่งครองแชมป์มูลค่ามากที่สุดในโลก ได้ขยายเพิ่ม 280,600 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงครึ่งปีแรก สร้างกระแสวิตกว่าจะยิ่งโหมทุนเก็งกำไรเข้ามาในประเทศ และรัฐบาลก็ได้ออกมาตรการหลายชุดเพื่อสกัดเงินร้อนในภาคต่างๆ
หลี่ หยังนักวิจัยอาวุโสแห่งสถานบันบัณฑิตยสถานด้านสังคมศาสตร์ ซึ่งเป็นคลังสมองระดับสูงสุดของจีน ชี้ระหว่างให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์พีเพิล เดลี่ว่า ปัญหาทุนเก็งกำไรไม่น่าวิตกอย่างที่กล่าวกัน เนื่องจากพวกทุนเก็งกำไรที่ไหลมาเข้า ไม่ว่าในแง่ขนาดหรือพลังของมันนั้น ไม่อาจส่งผลสะเทือนต่อเศรษฐกิจและตลาดเงินได้เลย
หลี่อดีตที่ปรึกษาธนาคารกลาง ประมาณว่าทุนที่อาจไหลออกจากประเทศ อยู่ที่ระหว่าง 280,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 520,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น ซึ่งนับเป็นสัดส่วนน้อยมาก เมื่อเทียบกับทุนสำรองอัตราแลกเปลี่ยนขนาด 1.81 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้ หลี่ปฏิเสธกระแสคาดการณ์จากสถาบันบัณฑิตยสถานแห่งอื่นๆ ที่มีรายงานอย่างกว้างขวางว่า มีเงินร้อนเข้ามาในจีนมากถึง 1.75 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ.