ไชน่านิวส์ – หลังจีนเปิดแผนปฏิรูประบบโทรคมนาคม หั่น 5 ยักษ์เหลือเพียง 3 ค่ายเพื่อสร้างการแข่งขันให้กับวงการ เพียงหนึ่งวันทำการหุ้นไชน่า โมบายหล่นวูบเจ๊งแล้วกว่า 2 แสนล้านในขณะที่ไชน่า ยูนิคอม กับไชน่า เทเลคอมสั่งแขวนการซื้อขาย
เป็นที่แน่นอนไปแล้วสำหรับการปฏิรูประบบโทรคมนาคมในจีน หลังกระทรวงอุตสาหกรรมและสารสนเทศจีน กระทรวงการคลังจีน และคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีนร่วมกันออก “ประกาศการปฏิรูประบบโทรคมนาคมเชิงลึก” เมื่อวันเสาร์ที่ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยจะมีการควบรวมและปฏิรูปโครงสร้างวิสาหกิจด้านโทรคมนาคมจาก 5 ค่ายยักษ์ใหญ่เหลือเพียง 3 ค่าย นอกจากนี้ ประกาศยังระบุว่าหลังจากที่แผนการปฏิรูปแล้วเสร็จ จะออกใบอนุญาตการใช้เทคโนโลยี3จีสำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งจากแผนงานดังกล่าวได้สร้างลักษณะพิเศษขึ้นก็คือจะทำให้ในอนาคตทั้ง 3 วิสาหกิจต่างให้บริการทั้งโทรศัพท์บ้านและโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยกันทั้งสิ้น
ทว่าหลังจากประกาศดังกล่าวออกมาเพียงวันเดียว ได้ทำให้บริษัทไชน่า ยูนิคอม, ไชน่าเทเลคอม ต่างประกาศแขวนหยุดการซื้อขายหุ้นในทันที่ ในขณะที่ไชน่า โมบายที่ทำการซื้อขายต่อไปในตลาดฮ่องกงนั้น ได้กลายเป็นเป้าหมายในการโจมที่อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
โดยวันทำการแรกหลังจากออกประกาศ หุ้นของไชน่า โมบายได้ตกฮวบลงถึง 8.15% และปิดตลาดในราคา 114.9 เหรียญฮ่องกง มีตัวเลขการซื้อขาย 16,167 ล้านเหรียญฮ่องกง ซึ่งมากกว่าวันก่อนหน้าถึง 1.2 เท่า และทำให้ภายในวันเดียว มูลค่าหุ้นรวมของไชน่า โมบายละลายไปถึง 204,400 ล้านเหรียญฮ่องกง
ซึ่งเมื่อมองไปแล้ว ไชน่า โมบายอาจจะเป็นเป้าหมายที่ถูกล๊อคเป้ามาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน เพราะจนถึงเมื่อวาน หุ้นของไชน่าโมบายนั้นกลายเป็นมีการซื้อขายด้วยระบบสินเชื่อเพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์มากที่สุด โดยเมื่อวันจันทร์ (26 พ.ค.) มีตัวเลขการซื้อขายแบบนี้ถึง 1,213 ล้านเหรียญฮ่องกง มากกว่าวันศุกร์ที่มีเพียง 846 ล้านเหรียญฮ่องกงมาก ซึ่งตัวเลขจากหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจจีนระบุว่า ตั้งแต่วันจันทร์ที่แล้ว (19 พ.ค.) เป็นต้นมา การซื้อขายด้วยสินเชื่อเพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์ในหุ้นไชน่า โมบายมากถึง 5,240 ล้านเหรียญฮ่องกงทีเดียว
คนวงในของบริษัทกองทุนในฮ่องกงได้เปิดเผยว่า “การที่มีการใช้สินเชื่อเพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์มหาศาลต่อเนื่อง 6 วัน นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ลงทุนรายย่อยสามารถทำได้ ถ้าหากทุนขนาดใหญ่สามารถรู้ล่วงหน้า การซื้อขายหุ้นของไชน่า โมบายก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
เมอร์ริล ลินช์ (Merrill Lynch & Co) ได้แสดงท่าทีต่อหุ้นของไชน่า โมบายโดยระบุว่า เมื่อใดที่ราคาถูก ก็จะกว้านซื้อหุ้นของไชน่า โมบาย โดยเดิมนั้นได้ตั้งราคาเอาไว้ที่ 165 เหรียญฮ่องกงเป็นเกณฑ์
ด้านซิตี้ แบงก์ได้มองว่า แผนปฏิรูประบบโทรคมนาคมในจีนนั้นจะเป็นการควบคุมให้จุดยืนการเป็นผู้นำในธุรกิจนี้ต่ำลง แต่อย่างไรก็ตาม ทางซิตี้แบงก์ก็ยังคงจะซื้อหุ้นของไชน่า โมบายเข้ามาโดยตั้งเป้าที่ 150 เหรียญฮ่องกง
เป็นที่แน่นอนไปแล้วสำหรับการปฏิรูประบบโทรคมนาคมในจีน หลังกระทรวงอุตสาหกรรมและสารสนเทศจีน กระทรวงการคลังจีน และคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีนร่วมกันออก “ประกาศการปฏิรูประบบโทรคมนาคมเชิงลึก” เมื่อวันเสาร์ที่ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยจะมีการควบรวมและปฏิรูปโครงสร้างวิสาหกิจด้านโทรคมนาคมจาก 5 ค่ายยักษ์ใหญ่เหลือเพียง 3 ค่าย นอกจากนี้ ประกาศยังระบุว่าหลังจากที่แผนการปฏิรูปแล้วเสร็จ จะออกใบอนุญาตการใช้เทคโนโลยี3จีสำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งจากแผนงานดังกล่าวได้สร้างลักษณะพิเศษขึ้นก็คือจะทำให้ในอนาคตทั้ง 3 วิสาหกิจต่างให้บริการทั้งโทรศัพท์บ้านและโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยกันทั้งสิ้น
ทว่าหลังจากประกาศดังกล่าวออกมาเพียงวันเดียว ได้ทำให้บริษัทไชน่า ยูนิคอม, ไชน่าเทเลคอม ต่างประกาศแขวนหยุดการซื้อขายหุ้นในทันที่ ในขณะที่ไชน่า โมบายที่ทำการซื้อขายต่อไปในตลาดฮ่องกงนั้น ได้กลายเป็นเป้าหมายในการโจมที่อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
โดยวันทำการแรกหลังจากออกประกาศ หุ้นของไชน่า โมบายได้ตกฮวบลงถึง 8.15% และปิดตลาดในราคา 114.9 เหรียญฮ่องกง มีตัวเลขการซื้อขาย 16,167 ล้านเหรียญฮ่องกง ซึ่งมากกว่าวันก่อนหน้าถึง 1.2 เท่า และทำให้ภายในวันเดียว มูลค่าหุ้นรวมของไชน่า โมบายละลายไปถึง 204,400 ล้านเหรียญฮ่องกง
ซึ่งเมื่อมองไปแล้ว ไชน่า โมบายอาจจะเป็นเป้าหมายที่ถูกล๊อคเป้ามาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน เพราะจนถึงเมื่อวาน หุ้นของไชน่าโมบายนั้นกลายเป็นมีการซื้อขายด้วยระบบสินเชื่อเพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์มากที่สุด โดยเมื่อวันจันทร์ (26 พ.ค.) มีตัวเลขการซื้อขายแบบนี้ถึง 1,213 ล้านเหรียญฮ่องกง มากกว่าวันศุกร์ที่มีเพียง 846 ล้านเหรียญฮ่องกงมาก ซึ่งตัวเลขจากหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจจีนระบุว่า ตั้งแต่วันจันทร์ที่แล้ว (19 พ.ค.) เป็นต้นมา การซื้อขายด้วยสินเชื่อเพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์ในหุ้นไชน่า โมบายมากถึง 5,240 ล้านเหรียญฮ่องกงทีเดียว
คนวงในของบริษัทกองทุนในฮ่องกงได้เปิดเผยว่า “การที่มีการใช้สินเชื่อเพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์มหาศาลต่อเนื่อง 6 วัน นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ลงทุนรายย่อยสามารถทำได้ ถ้าหากทุนขนาดใหญ่สามารถรู้ล่วงหน้า การซื้อขายหุ้นของไชน่า โมบายก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
เมอร์ริล ลินช์ (Merrill Lynch & Co) ได้แสดงท่าทีต่อหุ้นของไชน่า โมบายโดยระบุว่า เมื่อใดที่ราคาถูก ก็จะกว้านซื้อหุ้นของไชน่า โมบาย โดยเดิมนั้นได้ตั้งราคาเอาไว้ที่ 165 เหรียญฮ่องกงเป็นเกณฑ์
ด้านซิตี้ แบงก์ได้มองว่า แผนปฏิรูประบบโทรคมนาคมในจีนนั้นจะเป็นการควบคุมให้จุดยืนการเป็นผู้นำในธุรกิจนี้ต่ำลง แต่อย่างไรก็ตาม ทางซิตี้แบงก์ก็ยังคงจะซื้อหุ้นของไชน่า โมบายเข้ามาโดยตั้งเป้าที่ 150 เหรียญฮ่องกง
