ตลาดหุ้นไทยยังเผชิญมรสุมรุมเร้าทั้งภายในภายนอก แม้กระทรวงการคลังจะประกาศมาตรการต่างๆ ออกมาหลายชุดในวันนี้ โดยดัชนีภาคบ่ายยังคงรูดลงหนักกว่า 12.36 จุด มีแรงเทขายในกลุ่มแบงก์ และพลังงาน ด้านนักวิเคราะห์ เอเชียพลัส โยนความผิดพันธมิตร อ้างการประกาศชุมนุมต้านแก้ไข รธน.ในวันที่ 25 เม.ย.นี้ ทำนักลงทุนต่างชาติตกใจ
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) วันนี้(23 เม.ย.) ดัชนีภาคบ่ายปิดตลาดที่ระดับ 837.66 จุด ปรับลดลงถึง 12.36 จุด มูลค่าการซื้อขาย 25,762.95 ล้านบาท แม้ว่าเมื่อเช้าวันนี้ คณะกรรมการตลาดทุน ซึ่งมีนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมฯ โดยประกาศมาตรการปลุกตลาดหุ้น ออกมาหลายชุดก็ตาม
ขณะที่ตลาดหุ้นประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ก็มีการแกว่งตัวในแดนลบ แต่ก็ปรับลงเพียงเล็กน้อย มีเพียงตลาดฮ่องกงและจีน ที่อยู่ในแดนบวก โดยวันนี้ ตลาดหุ้นไทยถือว่าปรับตัวลงมากสุดในภูมิภาค
นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บรฺษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงบ่ายนี้ปรับลงมากกว่า 10 จุด ในวันนี้ คาดว่าจะเป็นแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่วิตกกังวลปัจจัยทางการเมืองในประเทศ โดยอ้างว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะมีการนัดชุมนุมกันอีกครั้งในวันที่ 25 เม.ย.นี้เป็นรอบที่สอง ซึ่งมีประเด็นสำคัญที่คัดค้านแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลเตรียมจะเสนอเข้าสู่สภาฯ
นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปิดตลาดปรับตัวลงกว่า 10 จุด คาดว่าจะเป็นการ take profit ของนักลงทุน ซึ่งมองว่าราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้วก็อาจจะมีการพักฐานบ้าง แต่ทิศทางของตลาดโดยรวมยังสามารถปรับตัวขึ้นต่อไปได้อยู่
สำหรับเรื่องของการเมืองเป็นเรื่องที่น่าติดตาม แต่เชื่อว่าการเมืองมีผลต่อตลาดฯเพียงแต่ช่วงสั้น ๆ เท่านั้น เพราะเรื่องของการนัดชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในวันที่ 25 เม.ย.นี้เป็นเรื่องที่ตลาดฯรับรู้กันอยู่แล้ว จึงคิดว่ายังไม่น่าจะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ตลาดฯร่วงแรงในวันนี้ได้ ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียก็มีการแกว่งตั้งทั้งบวก-ลบ
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้(24 เม.ย.) นายกวี คาดว่า ตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับฐานเพื่อขึ้นต่อ แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะรีบาวน์กลับขึ้นไปได้เช่นกัน ซึ่งควรจะติดตามความเคลื่อนไหวของดาวโจนส์ในคืนนี้ด้วย พร้อมให้แนวต้านไว้ที่ 847 จุด ส่วนแนวรับ 835 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,099.78 ล้านบาท ปิดที่ 338.00 บาท ลดลง 8.00 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,322.25 ล้านบาท ปิดที่ 169.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
BLISS มูลค่าการซื้อขาย 829.80 ล้านบาท ปิดที่ 0.72 บาท ลดลง 0.01 บาท
APURE มูลค่าการซื้อขาย 801.53 ล้านบาท ปิดที่ 3.66 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 743.90 ล้านบาท ปิดที่ 432.00 บาท ลดลง 12.00 บาท