สหรัฐฯชวนจีนร่วมองค์การพลังงานฯ ชี้ช่วยหนุนรับมือราคาน้ำมันโลกพุ่ง

วอลล์ สตรีท เจอร์นัล / เอเยนซี – เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสหรัฐฯได้กล่าวในการประชุมพลังงานที่ปักกิ่ง โดยชวนจีนให้เข้าร่วมในไออีเอ พร้อมระบุนอกจากจะช่วยลดความกังวลของนานาชาติต่อการล่าน้ำมันของจีนแล้ว ยังจะช่วยให้ไออีเอรับมือกับราคาน้ำมันที่พุ่งสูงได้

เมื่อวันอังคาร (20 พ.ค.) ที่ผ่านมา สหรัฐฯได้เชิญให้จีนเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การพลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอ: International Energy Agency) ซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นในช่วงวิกฤตน้ำมันทศวรรษที่ 1970 โดยเป็นหน่วยงานระหว่างประเทศที่คอยช่วยเหลือในการบริหารจัดการซัปพลายพลังงานฉุกเฉิน

โดยนายแดเนียล ซัลลิแวน ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศจากสหรัฐฯได้ระบุในการประชุมด้านพลังงานระหว่างจีนกับสหรัฐฯที่ปักกิ่งว่า จีนควรจะเข้าร่วมกับไออีเอ เพราะกาเข้าร่วมของจีนนั้นจะช่วยผ่อนคลายความกังวลของนานาประเทศต่อการที่จีนกำลังตามล่าความมั่นคงทางพลังงาน อีกทั้งสามารถช่วยเพิ่มความเข้มแข็งของไออีเอ ในการรับมือกับราคาของน้ำมันที่พุ่งทะยานได้

สัญญาณจากสหรัฐฯที่เรียกร้องอยากให้จีนเข้าร่วมนั้นเด่นชัดมากขึ้นทุกที โดยเฉพาะที่ผ่านมาไออีเอนั้นจะมีสมาชิกหลักเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยซัลลิแวนได้ระบุว่า “ไออีเอสามารถที่จะทำการแก้ไขขั้นตอนบางอย่าง เพื่อให้จีนกับอินเดียสามารถเข้าร่วมได้” ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าการเข้าร่วมของจีนกับอินเดียจะช่วยให้องค์กรมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น

การยื่นข้อเสนอของสหรัฐในครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่ผู้คนกำลังจับตาการจัดเก็บสำรองน้ำมันของจีนกับนโยบายด้านพลังงานที่รุกเข้าไปในแอฟริกากับเอเชียกลางมากขึ้น อีกทั้งเป็นช่วงเวลาที่นักวิเคราะห์จำนวนมากกำลังมองว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกอาจจะพุ่งขึ้นไปถึง 200 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

อย่างไรก็ตาม ต่อประเด็นดังกล่าว เจ้าหน้าที่จากฝ่ายจีนได้เปิดเผยว่า จีนยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับไออีเอมากขึ้น แต่คงไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกของไออีเอ เนื่องจากไออีเอเป็นส่วนหนึ่งขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี : Organisation for Economic Co-operation and Development) ซึ่งหน่วยงานดังกล่าวเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกสนับสนุนประชาธิปไตยและตลาดเสรีซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ในขณะที่จีนนั้นเป็นคอมมิวนิสต์ และจัดเป็นประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งประเด็นดังกล่าว เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือการแก้ปัญหาต่างๆในระดับสากล อย่างเช่นปัญหาโลกร้อนที่มีการพูดคุยกันในระดับโลก การที่เป็นประเทศกำลังพัฒนาก็ถูกมองว่ามีมาตรฐานที่ต่ำกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว

อย่างไรก็ตามในขณะนี้ ในด้านพลังงาน จีนเองก็กำลังเผชิญหน้ากับการขาดแคลนถ่านหินมากขึ้น เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา คณะกรรมการกำกับดูแลการไฟฟ้าจีนได้เปิดเผยว่า ซัปพลายถ่ายหินเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ถ่านหินสำรองในโรงผลิตกระแสไฟฟ้าขนาดใหญ่ในเดือนที่ผ่านมาลดลง 10.7% โดยหลายที่นั้นเริ่มลดลงจนถึงขั้นต้องระวังไม่ว่าจะเป้นมณฑลเหอเป่ย อันฮุย หูหนัน มองโกเลียใน โดยที่อันฮุยมีน้อยที่สุดคือมีสำรองเพียง 2.8 วันเท่านั้น

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสหรัฐฯเป็นประเทศที่บริโภคและนำเข้าน้ำมันมากที่สุดในโลก ทว่าในเร็วๆนี้จีนกำลังจะแซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันมากที่สุดรองจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผลจากการบูมของเศรษฐกิจ และการซื้อรถอย่างบ้าคลั่งของชนชั้นกลางที่มีฐานะดีขึ้น

ในขณะที่อุปสงค์ด้านน้ำมันในจีนเพิ่มมากขึ้น จีนได้เริ่มต้นโครงการน้ำมันสำรองสำหรับกรณีฉุกเฉินตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา โดยได้ส่งน้ำมันเข้าสู่แทงก์สำรองไปแล้วกว่า 33 ล้านบาร์เรล หรือต่ำกว่าปริมาณการนำเข้าใน 10 วัน แต่จีนมีเป้าหมายที่จะสำรองให้สามารถใช้ได้ในกรณีฉุกเฉินถึง 30 วัน หรือราว 100 ล้านบาร์เรล แต่ยังไม่ได้ระบุว่าจะทำให้บรรลุตามเป้าเมื่อใด