ซีน่าเน็ต / หนังสือพิมพ์สากล – แผ่นดินไหวในจีนได้ส่งผลให้การสื่อสารของบริษัทในเสฉวนและฉงชิ่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้กับเซินเจิ้น 66 แห่งถูกตัดขาด ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ทั้ง 2 ต้องประกาศหยุดซื้อขายหุ้นของ 66 บริษัทนี้ชั่วคราว ในขณะที่ผลสะท้อนจากแผ่นดินไหว การปรับขึ้นเงินสำรองธนาคารพาณิชย์ และข่าวที่ธนาคารกลางจีนอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ดันให้หุ้นจีนตกวูบและเข้าสู่ภาวะอึมครึม
เมื่อวันจันทร์ (12 พ.ค.) หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในรอบ 3 ทศวรรษของจีนที่มีผู้เสียชีวิตเหยียบหมื่นคนและผู้สูญหายกว่า 60,000 คน บวกกับธนาคารกลางจีนสั่งปรับขึ้นอัตราเงินสำรองธนาคารพาณิชย์ขึ้นอีก 0.5% เป็น 16.5% เพื่อควบคุมอัตราการปล่อยสินเชื่อ และคุมภาวะเงินเฟ้อ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป ทำให้ครึ่งเช้าวันนี้ตลาดหลักทรัพย์เกิดการผันผวนขึ้นทันที
โดยตลาดเปิดตัวต่ำในตอนเช้าวันอังคาร (13 พ.ค.) และพุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เริ่มตกวูบลง โดยในหลังจากที่เมื่อวันจันทร์ ดัชนีตลาดเซี่ยงไฮ้ปิดที่ 3,805 จุด ตอนเช้าดัชนีตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้เปิดตัวที่ 3,515.71 จุด พุ่งสูงสุดที่ 3,615จุดจากนั้นก็ตกลงมา 3,533.55 จุดตกลงมา 93.43จุด คิดเป็น 2.58% ในขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่เซินเจิ้นเปิดมาที่ 12,727.76 จุด พุ่งสูงสุดที่ 13,356.87 จุดก่อนจะตกลงมาต่ำสุดที่ 12,696.29 จุด ปิดตัวในช่วงเที่ยงที่ 13,018.71 จุด ตกลงมา 147.39 จุดหรือ 1.12%
นอกจากนั้น จากผลของแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงถึง 7.8 ริกเตอร์ในอำเภอเวิ่นชวน มณฑลเสฉวนนั้น ทำให้ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ไม่สามารถติดต่อกับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 45 แห่งในเสฉวนและฉงชิ่ง ดังนั้นทำให้ทางตลาดต้องประกาศหยุดการซื้อขายของบริษัททั้ง 45 แห่งตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนกกว่าทางบริษัทจะประกาศซื้อขายต่อ ในขณะที่ตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้นต้องประกาศหยุดการซื้อขายของบริษัทในเสฉวนจำนวน 21 บริษัทเช่นกัน
นักวิเคราะห์ได้ชี้ประเด็นดังกล่าวว่า การปรับขึ้นเงินสำรองธนาคารพาณิชย์นั้นอาจจะไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยามากนัก ทว่าการที่ราคาสินค้าผู้บริโภค (ซีพีไอ) ที่พุ่งขึ้นไปถึง 8.5% ไม่ได้ลดลงตามที่ทางการได้คาดการณ์ไว้ ได้สร้างความกังวลใจว่าธนาคารกลางอาจจะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่แตกต่างในระหว่างดอกเบี้ยเงินกู้กับดอกเบี้ยเงินฝาก โดยคาดว่าอย่างเร็วอาจจะเห็นการประกาศในช่วงสุดสัปดาห์นี้
ซึ่งแม้ว่าในรายงานตัวเลขต่างๆของเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา จะไม่ได้ยกเอาเรื่องของภัยจากพายุหิมะมาเป็นสาเหตุอีกต่อไป ทว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาจีนได้ประกาศดัชนีราคาสินค้าผู้ผลิต (พีพีไอ) ของเดือนเม.ย. ว่าเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 8.1% ซึ่งมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้น และเป็นสาเหตุที่ทำให้ดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภคไม่ได้ลดลงตามที่คาด จนกลายเป็นแรงกดดันไปที่เงินเฟ้อและนักลงทุน
ด้านนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ซั่งไห่หยวนฟู่ระบุว่า “ความผันผวนที่ค่อนข้างมากในตลาด ทำให้เห็นว่านักลงทุนมองอนาคตของตลาดแตกต่างกันออกไป หลังจากมีข่าวแผ่นดินไหว บวกกับขึ้นเงินสำรองธนาคารพาณิชย์ และข่าวที่อาจมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยตามมานั้น ได้ทำให้ดัชนีในวันนี้ร่วงลง และอาจจะร่วงไปปิดที่ราว 3,400 จุด”