รอยเตอร์ / ซินหัวเน็ต – รองนายกรัฐมนตรีจีนประกาศว่าจะเดินหน้าปรับปรุงและคุมเข้มการควบคุมเศรษฐกิจในระดับมหภาค พร้อมเน้นย้ำถือการป้องกันภาคการเงินเป็นสำคัญ โดยประกาศว่าพร้อมจะร่วมมือกับนานาชาติในการแก้ปัญหาการเงิน ในขณะที่ไอเอ็มเอฟระบุผลจากซับไพรม์ยังไม่จบ พร้อมปรับลดตัวเลขเติบโตของเศรษฐกิจจีนเหลือ 9%
นายหวัง ฉีซัน รองนายกรัฐมนตรีจีนได้ออกมาเปิดเผยว่า “จีนจะยังเดินหน้าในการปรับปรุงและเพิ่มความเข้มข้นในการควบคุมเศรษฐกิจในระดับมหภาค เพื่อรักษาเสถียรภาพในนโยบายการเงินการคลัง นอกจากนั้นยังจะเดินหน้าผลักดันการเปิดกว้างด้านการเงิน และพัฒนาตลาดทุนให้มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น ทว่ายังคงถือการรักษาความปลอดภัยของภาคการเงินเป็นสำคัญ”
โดยหวังได้ระบุว่า “การรักษาความปลอดภัยในภาคการเงิน ด้วยการพยายามปรับปรุงกลไกการควบคุมและตรวจสอบภาคการเงิน และป้องกันความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งเร่งพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ ตลาดประกันภัย ตลาดตราสารหนี ตลาดการเงิน และตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา อีกทั้งเดินหน้าปฏิรูปธุรกิจการเงิน หลักทรัพย์ และประกันให้มีกลไกการควบคุมและป้องกันความเสี่ยงที่ดีขึ้น
หวังได้ชี้ว่า ขณะนี้มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้เศรษฐกิจการเงินโลกนั้นมีความไม่แน่นอนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นซับไพรม์จากสหรัฐฯที่ขยายผลอออกไปเรื่อยๆ ความผันผวนในตลาดการเงินโลก หรืออัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลงเรื่อยๆ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ไม่เป็นผลดีต่อตลาดที่กำลังพัฒนาใหม่อย่างจีน ดังนั้นในฐานะที่เป็นประเทศใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ จีนเองก็ยินดีที่จะร่วมกับนานาประเทศ ในการที่จะช่วยคิดและหาทางแก้ไขปัญหาการเงินที่โลกกำลังเผชิญหน้า เพื่อให้เกิดความรุ่งเรืองและมั่นคงในตลาดการเงินโลก
ในขณะที่จีนได้พยายามปรับตัว เพื่อรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจโลกนั้น ตัวแทนกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ฮ่องกง ได้ออกมาระบุว่า ผลจากวิกฤตซับไพรม์ของสหรัฐฯนั้นยังไม่จบสิ้น ทำให้มีการปรับการคาดการณ์ว่าในปี 2008 เศรษฐกิจโลกจะเติบโตต่ำกว่า 4% และปรับการเติบโตของเศรษฐกิจจีนลดลงเหลือ 9%
โดยได้ระบุว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้แย่กว่าปีที่ผ่านมามาก และกองทุนไอเอ็มเอฟได้ลองทำการเประเมินการเติบโตของเศรษฐกิจโลกเชื่อว่าจะต่ำกว่าครึ่งปีที่ผ่านมา และอาจจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย อีกทั้งมองว่าโอกาสที่การเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกจะเฉลี่ยต่ำกว่า 3% นั้นมีความเป็นไปได้ 25% ในขณะที่ในปี 2007 เศรษฐกิจทั่วโลกเติบโต 4.9% และจีนเติบโต 11.4%
นอกจากนั้นไอเอ็มเอฟยังมองว่า เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจของประเทศที่พัฒนาแล้วมากขึ้นเรื่อยๆ โดยหากมองในด้านของการค้า การเงินแล้ว จีนเองก็รับอิทธิพลจากประเทศพัฒนาแล้วมากขึ้นเรื่อยๆมาตลอด 20 ปี
ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกจีนมีอัตราการเพิ่มขึ้นของจีดีพีอยู่ที่ 10.6% ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว 1.1% และมีดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภค(ซีพีไอ) อยู่ที่ 8.0% โดยในเดือนก.พ.นั้นซีพีไออยู่ที่ 8.7% สูงสุดในรอบเกือบ 12 ปี
