เอเยนซี – ทางการจีนประกาศตัวเลขเศรษฐกิจปี 2007 โดยมีจีดีพีอยู่ที่ 11.4% สูงสุดในรอบ 13 ปี ในขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้ออยู่ที่ 4.8% โดยนายใหญ่กรมสถิติฯจีนคาดว่า ตัวเลขนี้จะทำให้จีนยังไม่สามารถแซงหน้าเยอรมนีเพื่อขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ของโลก
นายเซี่ยฝูจัน อธิบดีกรมสถิติแห่งชาติจีนได้เปิดเผยการสรุปตัวเลขเศรษฐกิจจีนขั้นต้นประจำปี 2007 ในวันพฤหัสบดี ( 24 ม.ค.) ว่าในรอบปีที่ผ่านมาว่าจีนมีผลผลิตมวลรวมภายในประเทศทั้งสิ้น 24.6619 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 11.4% และเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าปีที่ผ่านมา 0.3% โดยอัตราดังกล่าวเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 13 ปีนับตั้งแต่ปี 1995 เป็นต้นมา
นอกจากนั้นตัวเลขดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภค (ซีพีไอ) รวมของปี 2007 อยู่ที่ 4.8% โดยในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาจีนมีดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภคเพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 6.5% ซึ่งตัวเลขซีพีไอทั้งปีของจีนเกินกว่าที่มีการประมาณไว้เล็กน้อย โดยนักวิเคราะห์ได้ชี้ว่า สาเหตุมาจากการที่ในเดือนพ.ย.มีการปรับราคาน้ำมันสำเร็จรูป และราคาสินค้าเพิ่มขึ้นอีกหลังจากลดลงเล็กน้อยช่วงก่อนหน้า
ด้านอสังหาริมทรัพย์ใน 70 เมืองใหญ่ของจีนในปี 2007 มีราคาจำหน่ายสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา 7.6% อัตราเพิ่มสูงกว่าเดิม 2.1% ในขณะที่มูลค่าการผลิตในปี 2007 อยู่ที่ 24.6619 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 11.4% สูงกว่าอัตราเติบโตในปีที่ผ่านมา 0.3%
นอกจากนั้นในงานแถลงข่าว เซี่ยยังได้เปิดเผยว่าเนื่องจากความแปรผันของอัตราแลกเปลี่ยน แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจของเยอรมนีจะยังไม่ออกมา แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจจีนในปี 2007 นี้น่าจะยังไม่แซงหน้าเยอรมนี อย่างไรก็ตามเซี่ยมองว่าไม่ว่าจะแซงหรือไม่นั้นก็ไม่สำคัญ เนื่องจากต่อให้จีดีพีของจีนแซงหน้าเยอรมนีได้ ทว่าจีนก็ยังคงเป็นประเทศกำลังพัฒนา และยังมีระดับมาตรฐานการครองชีพที่ค่อนข้างต่ำ
ด้านหนายหลี่ฮุ่ยหย่ง นักวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคอาวุโสจากบริษัทหลักทรัพย์เซินอิ๋นวั่นกั๋วได้แสดงทัศนะว่า “การที่ในปี 2008 เศรษฐกิจจีนจะยังขยายตัวในระดับนี้ต่อไปนั้นเป็นไปได้ยากมาก ทว่าเนื่องจากวิกฤติซับไพรม์ของสหรัฐฯที่ขยายตัวออกไปในวงกว้าง ทำให้คาดว่าจีดีพีของจีนในปี 2008 จะลดลงมาอยู่ที่ 10.7% และท่ามกลางราคาพลังงานและราคาสินค้าการเกษตรในตลาดโลกที่สูงมาก บวกกับสถานการณ์การถ่ายโอนต้นทุนของผู้ผลิตสู่ผู้บริโภค จะทำให้ในแรงกดดันจากเงินฟ้อของปี 2008 เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คาดว่าซีพีไอของทั้งปีน่าจะอยู่ที่ราว 4.5%-5.5%”
“ท่ามกลางสภาวะการเติบโตที่จะชะลอตัวลงเล็กน้อยแต่ยังร้อนแรงเกินเช่นนี้ เราอาจจะได้เห็นมาตรการควบคุมระดับมหภาคจากทางการตามออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม การที่เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจจีนในระยะนี้กำลังมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น มาตรการการชะลอเศรษฐกิจในครึ่งปีแรกอาจจะยังไม่รุนแรงมากนัก” หลี่ระบุ