รอยเตอร์ – ยักษ์ข้าวจีนลั่นปีนี้จะยังส่งออกข้าวต่อไปแน่นอน สยบข่าวลือขาดแคลนข้าวในประเทศ ทั่วโลกเฮ หลังผู้ผลิตข้าวเกือบ 1 ใน 3 ของโลกลั่นวาจา
การออกมาเผยว่า จีนจะยังคงส่งออกข้าวต่อไป จะช่วยลดความกังวลในตลาดได้อย่างมาก เนื่องจากตอนนี้ทั่วโลกต่างกังวลว่า ราคาข้าวจะยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก หลังจากผู้ส่งออกรายใหญ่คุมเข้มการส่งออกข้าว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาเงินเฟ้อภายในประเทศ
ด้วยฐานะผู้ส่งออกข้าวอันดับ 6 ของโลก ซึ่งปีที่ผ่านจีนทำสถิติส่งออกเป็นสัดส่วนมากกว่า 4% ของการส่งออกข้าวทั่วโลก การประกาศของจีนจะช่วยคลายความกังวลอย่างมาก รอยเตอร์ระบุ
ภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากราคาอาหารพุ่งขึ้นสูง ก่อให้เกิดการจลาจลในแอฟริกาบางส่วน นอกจากนี้หลายประเทศยังวิตกว่า อาจจะต้องเผชิญกับปัญหาความมั่นคงด้านอาหาร อย่างไรก็ตาม จีนซึ่งมีปริมาณข้าวสำรองราวครึ่งหนึ่งของโลก ดูเหมือนจะหลุดพ้นปัญหาดังกล่าว
“ปีนี้เราจะส่งออกข้าวต่อไปในปริมาณที่เหมาะสม แต่ก็บอกไม่ได้ว่าจะส่งออกในปริมาณเท่าใร” หยาง หง ผู้อำนวยการฝ่ายข้าว ของวิสาหกิจรัฐ คอฟโค (COFCO) ผู้ค้าข้าวรายใหญ่ให้สัมภาษณ์
นอกจากนี้หยางยังเผยว่า ทางคอฟโคกำลังเจรจาสัญญาซื้อขายข้าวฉบับใหม่หลายฉบับ แม้ขณะนี้ยังไม่ได้รับไฟเขียวจากปักกิ่งว่า ทางวิสาหกิจจะได้รับโควตาส่งออกข้าวเท่าไร “เราไม่เห็นว่าอุปทานในประเทศมีปัญหา” หยางกล่าวย้ำ
ข้อมูลจากทางการระบุว่า เมื่อปีที่แล้วปริมาณการส่งออกข้าวของจีนเพิ่มขึ้น 7 % เป็น 1.32 ล้านตัน โดยจำนวนส่งออกดังกล่าวเมื่อเทียบกับปริมาณการผลิตในประเทศแล้ว 1.32 ล้านตันจะเท่ากับ ผลผลิตในประเทศเพียง 1% เท่านั้น ทั้งนี้การส่งออกข้าวในไตรมาสแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นราว 39% คิดเป็นจำนวนเกินกว่า 600,000 ตัน
ยอดส่งออกในไตรมาสแรกนี้รวมถึงจำนวนข้าวส่งออกเดือนมี.ค. จำนวน 255,400 ตัน ทั้งนี้ทางการปักกิ่งจะทำการทบทวนโควตาการส่งออกข้าวทุกปี โดยโควตาส่งออกรอบล่าสุด เพิ่งหมดอายุลงก่อนวันที่ 1 มี.ค.
เมื่อเดือนที่แล้วคณะมุขมนตรีเผยว่า จีนจะคุมเข้มการส่งออกข้าว เพื่อให้แน่ใจว่าปริมาณข้าวในประเทศมีเพียงพอสำหรับการบริโภค เนื่องจากเมื่อต้นปีจีนเพิ่งประสบวิกฤตพายุหิมะ ที่กระหน่ำทำพืชผลเสียหายจำนวนมาก ซ้ำเติมภาวะราคาสินค้าบริโภคแพง ที่เป็นปัจจัยดันอัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ.ทำสถิติพุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 12 ปี
ทางปักกิ่งได้ยกเลิกการคืนภาษีสินค้าส่งออก 13% แถมยังใช้มาตรการเก็บภาษีส่งออกอีก 5% อย่างไรก็ตามนโยบายดังกล่าว ไม่สามารถยุติการฉวยโอกาสของผู้ส่งออก ที่มองเห็นกำไรงาม จากส่วนต่างราคาสินค้าในตลาดโลกที่สูงกว่าราคาในประเทศที่ถูกควบคุมถึง 2 เท่า
ผู้ค้าข้าวญี่ปุ่นรายหนึ่งระบุว่า เมื่อเดือนมี.ค. ข้าวเมล็ดสั้นของจีนมีราคาอยู่ที่ 970 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน
กระแสคลั่งแห่ซื้อข้าวตุน
ทั้งนี้ข้อมูลบางแห่งระบุว่า ราคาข้าวไทยซึ่งเป็นราคาอ้างอิงมาตรฐาน ปีนี้พุ่งขึ้นกว่า 150% ผู้ค้าข้าวชี้ว่า การที่ราคาพุ่งอย่างพรวดพราดเป็นเพราะ ผู้นำเข้าข้าวรายสำคัญแห่ไล่ซื้อข้าวอย่างบ้าคลั่ง หลังก่อนหน้านี้ ผู้นำเข้าบางรายปล่อยให้ปริมาณสำรองข้าวในคลังลดต่ำลงเกือบต่ำสุดในรอบ 20 ปี ฉะนั้นช่วงนี้หลายประเทศ จึงออกมาซื้อข้าวอย่างบ้าคลั่ง เนื่องจากเกรงว่า การคุมส่งออกอย่างเข้มงวดในประเทศผู้ผลิต จะทำให้ประเทศที่ต้องพึ่งพาข้าวนำเข้าประสบปัญหาขาดแคลน
นักวิเคราะห์แสดงทัศนะว่า ความวิตกกังวลดังกล่าวน่าจะผ่อนคลายลง หลังจากปริมาณข้าวสำรองในคลังกลับมาอยู่ในระดับที่เหมาะสม ทว่าตลาดยังคงเผชิญกับปัญหาในระยะยาว จากหลายปัจจัย อาทิ ราคาสินค้าเกษตรพุ่งทะยาน, การลดลงของพื้นที่เพาะปลูก อุปสงค์สินค้าเกษตรทดแทนพลังงาน ฯลฯ
ขณะที่จำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นในแอฟริกา และตะวันออกกลางเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปริมาณอุปสงค์ต่อข้าวเพิ่มขึ้น จีนกลับเผชิญกับสถานการณ์ด้านตรงข้าม การเพิ่มจำนวนของประชากรเมืองจีน ทำให้ปริมาณความต้องการบริโภคข้าวลดลง เนื่องจากชนชั้นกลางเหล่านี้หันไปนิยมบริโภคเนื้อสัตว์ และเนื้อปลามากกว่าข้าว
ศูนย์ข้อมูลธัญพืชและน้ำมันแห่งชาติจีน ประมาณว่า ปริมาณบริโภคข้าวของจีนลดลงราว 500,000 -1,000,000 ตันต่อปี แต่ปีที่แล้วปริมาณการผลิตข้าวเพิ่มขึ้น 2% เป็น 186.5 ล้านตัน
ปริมาณการบริโภคที่ลดลงทบกับปริมาณการเก็บเกี่ยวที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ราคาข้าวในประเทศจีนอยู่ในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับราคาข้าวของประเทศอื่น รัฐบาลสามารถเก็บกัก สำรองข้าวในคลังจำนวนมหาศาล
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เผยว่า รัฐบาลได้ตกลงซื้อข้าว 1.75 ล้านตันสำหรับสำรองในคลังที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยการซื้อดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อสนับสนุนด้านราคา และกระตุ้นให้ชาวนาปลูกเพิ่ม ทั้งนี้เจ้าหน้าที่รายหนึ่งระบุว่า ชาวนาในภาคอีสาน อาทิ มณฑลเฮยหลงเจียง ประสบปัญหาในการขายพืชผล
เมื่อเดือนที่แล้ว นายกรัฐมนตรี เวิน เจียเป่ากล่าวว่า จีนมีปริมาณข้าวสำรองราว 40 – 50 ล้านตัน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณสำรองทั้งโลก
“ปัญหาสำคัญคือสภาพอากาศในอีก 60 วันข้างหน้า หากสภาพอากาศดี รัฐบาลน่าจะปล่อยข้าวเก่าในคลังออกมาสู่ตลาด โดยทั่วไปจีนมีปริมาณข้าวสาร และข้าวสาลีเพียงพอ และข้าวก็มีบทบาทสำคัญในทางการเมือง หากประเทศใดขาดแคลนจีนสามารถขายให้ได้บ้าง ซึ่งตรงนี้จะส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ” ผู้ค้าข้าวรายหนึ่งในเซี่ยงไฮ้เผย