เอเอฟพี/ซินหัว--ในที่สุด จีนก็ได้ยกระดับสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (SEPA) ขึ้นเป็นกระทรวง นายฮวา เจี้ยนหมิน เลขาธิการคณะมุขมนตรีแห่งรัฐเผยในวันอังคาร (11 มีนาคม) พร้อมชี้ถึงจีนกำลังเผชิญปัญหาท้าทายฉกาจฉกรรจ์ในการกอบกู้สภาพแวดล้อมเป็นเวลานาน และมาตรการแก้ไขปัญหาก็ดูเต็มไปด้วยอุปสรรค์ขวากหนามมากมาย
ดังนั้น ในเวลานี้ การปกป้องสิ่งแวดล้อมจึงเป็นนโยบายพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ และถือเป็นเครื่องชี้ชะตาของการพัฒนาของประเทศในอนาคต
ขณะนี้ ผู้นำจีนระดับสูงสุดหลายคนยอมรับงานหินในการแก้ไขวิกฤตสิ่งแวดล้อม นายเซี่ย เจินหัว รองประธานคณะกรรมการการปฏิรูปและการพัฒนาแห่งชาติ ก็ได้แถลงอย่างเปิดอกที่สุด ว่าจีนต้อง “เข็นครกขึ้นเขา”ในการหยุดพวกใช้พลังงานอย่างหลงระเริง และมลพิษที่ยิ่งนับวันเสื่อมโทรมลง โดยมีตอหินก้อนใหญ่สุดที่คอยขัดขวางแก้ไขปัญหาคือ แรงต้านของภาคอุตสาหกรรมที่กำลังบูม และปัญหาจากรัฐบาลท้องถิ่นในมณฑลที่ห่างไกล ที่พยายามอัดฉีดอัตราเติบโต โดยไม่แยแสทิศทางของรัฐบาลกลาง
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่าประกาศความคืบหน้าในการดำเนินมาตรการเพื่อการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและควบคุมการแพร่กระจายมลพิษในปี 2007 โดยการบริโภคพลังงานต่อหน่วยจีดีพี ลดลงร้อยละ 3.27 ในปีดังกล่าว ขณะที่การแพร่กระจายซัลเฟอร์ ไดออกไซด์ ตกลงร้อยละ 3.14 และความเรียกร้องออกซิเจนเคมี มาตรวัดมลพิษทางน้ำ ก็ลดลงร้อยละ 4.66 ซึ่งรัฐบาลคุยว่า นับเป็นปีแรกที่ดัชนีมลพิษนี้ ลดลง
แต่เซี่ยชี้ว่า การดำเนินมาตรการอย่างที่ผ่านมานั้น ดูจะไม่อาจทำให้ดัชนีวัดสิ่งแวดล้อมตัวไหนบรรลุเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ในปี 2010 “เรายังต้องเผชิญสถานการณ์ที่ท้าทายยิ่งขึ้น เศรษฐกิจยังคงขยายตัวต่อไป ในขณะที่พวกอุตสาหกรรมหนักก็ยังทำตัวแบบเดิม ไม่เปลี่ยน”เซี่ยกล่าวในการประชุมย่อยระหว่างการประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติเมื่อวันอังคาร (11 มีนาคม)
รัฐบาลจีนได้วางเป้าหมายปี 2006-2010 ลดการบริโภคพลังงานต่อหน่วยจีดีพี ลดเหลือร้อยละ 20 และลดมลพิษอากาศและน้ำ ลงอย่างละร้อยละ 10 จีนได้จ่ายราคาสำหรับการสร้างเศรษฐกิจที่รุ่งโรจน์ โดยร้อยละ 70 ของคุณภาพน้ำและอากาศตามเมืองใหญ่ๆ เน่าสุดในโลก
อุบัติภัยสิ่งแวดล้อมที่ยังติดตรึงใจผู้นำจีน และคนจีนหลายคน ได้แก่ เหตุการณ์ระเบิดที่โรงงานเคมีในมณฑลเฮยหลงเจียงเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2005 ทำให้สายน้ำซงฮวา ปนเปื้อนไปด้วยสารพิษ การบูมของสาหร่ายเขียวแกมน้ำเงินในทะเทสาปที่งดงามแห่งไท่หูที่เลื่องลือในมณฑลเจียงซูเมื่อเดือนพฤษภาคม 2007 ซึ่งอุบัติภัยทั้งสองนี้ ทำให้ได้ตัดอู่น้ำของประชาชนนับล้านๆ จนเกิดกระแสตื่นตระหนก.