xs
xsm
sm
md
lg

เวิลด์แบงก์-เอดีบีชี้ เศรษฐกิจจีนปีนี้ชะลอตัว รบ.ยิ้มร่า มาตรการคุมเศรษฐกิจร้อนได้ผล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเชียน วอลล์สตรีท / เอเอฟพี – เวิลด์แบงก์ กับเอดีบีฟันธง ปีนี้เศรษฐกิจจีนลดร้อนแรง เหตุปัจจัยเศรษฐกิจโลก บวกนโยบายรัฐบาลจีน ชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจ เอเชียน วอลล์สตรีทชี้ ชะลอแต่ไม่แย่ เข้าทางรัฐบาลจีน ที่หวังลดเศรษฐกิจร้อนมานาน

หลังรัฐบาลจีนพยายามควบคุมการเติบโตของเศรษฐกิจ ที่ร้อนแรงมานาน ด้วยการออกมาตรการต่างๆ ทว่าไม่ประสบความสำเร็จ ล่าสุดความคาดหวังของปักกิ่งเริ่มกลายมาเป็นความจริง เมื่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่งผลให้ภาคการส่งออก ซึ่งเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงตาม ขณะเดียวกันการออกมาตรการคุมเครดิตของรัฐยังส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์เริ่มชะลอตัว หลังจากเติบโตอย่างร้อนแรง จนหลายฝ่ายกังวลว่า อาจกลายเป็นฟองสบู่แตก

เอเชียน วอลล์สตรีทชี้ว่า การที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มชะลอความร้อนแรง เนื่องจากรัฐบาลออกนโยบายคุมเข้มการปล่อยกู้ ขณะที่ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้เองก็ตกลงถึง 46% เมื่อเทียบกับเดือนต.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงพีคสุด เป็นสถานการณ์ที่ประจวบเหมาะพอดีกับการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯเจอมรสุม ทำให้ภาคการส่งออกจีน ซึ่งมีตลาดใหญ่อยู่ที่สหรัฐฯพลอยชะลอตัวลงตาม

“เมื่อผสานเข้าด้วยกัน ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจจีน อย่างชะงัด เราเริ่มเห็นหลักฐานรูปธรรมว่า บริษัทขนาดเล็กหลายแหล่งได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง” ฉี่ว์ หงปิน นักเศรษฐศาสตร์ จาก เอชเอสบีซี ฮ่องกง กล่าว

ข้อมูลเศรษฐกิจจีนช่วงเดือนม.ค. –ก.พ. เผยให้เห็นการชะลอตัวของภาคการส่งออกและเศรษฐกิจภายในประเทศ เฉพาะการส่งออกหดตัวต่ำกว่า 20% เป็นครั้งแรกในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

แม้ในภาพรวมเศรษฐกิจจีนยังคงขับเคลื่อน โตอย่างงดงาม บางภาคเช่นการใช้จ่ายของผู้บริโภคเองก็มีตัวเลขที่สวย ทว่าข้อมูลดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไตรมาสแรกปีนี้จะชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม อัตราการชะลอตัวของเศรษฐกิจยังไม่มีสถิติที่บ่งออกมาแน่ชัด ต้องรอกระทั่งรัฐบาลจีนออกรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในวันที่ 17 เม.ย.นี้

“คำถามสำคัญคือ การชะลอตัวครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างไร? ชาวจีนจะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อการชะลอตัวครั้งนี้?” ฉี่ว์กล่าว

เมื่อวันอังคาร (1) ธนาคารโลกเพิ่งประกาศหั่นตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนปี 2008 เหลือ 9.4% หรือลดลงราว 2% เมื่อเทียบกับปี 2007 โดยมีการคำนึงถึงปัจจัยเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัว ส่วนปี 2009 ธนาคารโลกคาดว่า เศรษฐกิจจีนจะโตในอัตรา 9.2% ขณะเดียวกันเมื่อวันพุธ (2) ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) เองก็ชี้ว่า จีดีพีจีนปีนี้น่าจะโตเพียง 10% ลดลงจากปี 2007 ที่ทำสถิติสูงที่สุดในรอบ 13 ปีอยู่ที่ 11.4% ส่วนปี 2009 จีดีพีจีนน่าจะโตเพียง 9.8%

ชี้ชะลอตัวส่งผลแง่บวกต่อรัฐ

อัตราการเติบโตที่ธนาคารโลกคาดว่าจะลดลงจากปีที่แล้ว 2% เหลือ 9.4% แม้จะเป็นการปรับลด ที่ค่อนข้างมากในสายตาของประเทศอื่น ทว่าสำหรับจีนแล้วถือว่าเป็นการปรับตัวที่สวย หลังจากเศรษฐกิจโตต่อเนื่องอยู่ที่ 10% หรือมากกว่านั้นมาหลายปี

“การชะลอตัวของเศรษฐกิจเหลือตัวเลขหลักเดียว จะส่งผลกระทบต่อตลาด เราเชื่อว่าจะก่อให้เกิดการปรับตัวของราคาสินค้าพลังงานและอตุสาหกรรม ที่น่าจะปรับตัวลดลง” คาร์ล เวนเบิร์ก หัวหน้าเศรฐกรของ ไฮ ฟรีเควนซี อีโคโนมิคส์ (High Frequency Economics) สหรัฐฯเผย

ทั้งนี้การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนช่วงต้นปีบางส่วนเป็นเพราะโชคร้าย จากวิกฤตพายุหิมะ ที่ตกหนักหนาวยะเยือก จนส่งผลกระทบต่อการคมนาคม และการผลิตในภาคกลางและใต้ของประเทศ ปัจจัยดังกล่าวทำให้การเติบโตช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.ดูร้ายแรงกว่าแนวโน้มที่คาดไว้ แต่เดือนมี.ค. เศรษฐกิจจีนเริ่มส่อสัญญาณฟื้นตัวมากขึ้นหลังวิกฤตพายุหิมะจบลง

อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจจีนปีนี้อาจจะชะลอตัวมากกว่าที่ทางการคาดไว้ ตัวเลขงบลงทุนคือ การลงทุนภาคสินทรัพย์ถาวร 2 เดือนแรกของปี 2008 โต 24.3% ลดลงเล็กน้อยจาก 25.8% ในปี 2007 ทว่าวอลล์สตรีทชี้ว่า ตัวเลขข้างต้นที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเผยออกมายังไม่ได้คิดคำนวณอัตราเงินเฟ้อ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากเข้าไปด้วย เมื่อคำนวณเข้าไปแล้วจะพบว่า การลงทุนสินทรัพย์ถาวร 2 เดือนแรกของปี 2008 โตเพียง 18% ซึ่งน้อยกว่าตัวเลขของปีที่แล้ว ที่โดยรวมทั้งปีโตราว 23%-25%

นักวิเคราะห์ชี้ว่า ตัวเลขที่ลดลงเป็นผลจากการชะลอตัวภาคอสังหาฯ เนื่องจากรัฐบาลคุมเข้มด้านสินเชื่อ นอกจากนี้อุปสงค์สินค้าส่งออก ที่ลดลงจากสหรัฐฯทำให้โรงงานหลายแห่งไม่ขยายกิจการเพิ่ม

ส่วนต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นก็เป็นอีกปัจจัย ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว ผลสำรวจของสำนักงานสถิติชี้ว่า กำไรช่วง 2 เดือนแรกของภาคอุตสาหกรรมโตเพียง 16.5% ขณะที่สถิติปี 2007 ทั้งปีอยู่ที่ 36.7%

บริษัทหลายแห่งเริ่มได้รับผลกระทบจากสภาพการณ์ดังกล่าว แม้แต่ เป่าซัน ไอร์ออน แอนด์ สตีล ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่สุดของจีน ยังรายงานผลประกอบการปี 2007 ว่ากำไรหดลง 2.8% หลายฝ่ายคาดว่า ผลดังกล่าวเป็นเพราะค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง, การเปลี่ยนแปลงทางด้านภาษี, และราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น สำหรับปีนี้เป่าซันได้ขึ้นราคาผลิตภัณฑ์หลายชนิด เพื่อชดเชยราคาต้นทุนที่สูงขึ้น

อย่างไรก็ตามสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัวดังกล่าว อาจยังไม่เพียงพอสำหรับรัฐบาลจีน ที่เผชิญปัญหาเงินเฟ้อพรวดสูงสุดในรอบทศวรรษอยู่ที่ 8.7% ในเดือนก.พ.

ที่ผ่านมาธนาคารกลางจีนได้ปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 4.1% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ นับว่าเป็นการปรับตัวของเงินหยวนที่เร็วที่สุดนับแต่เลิกผูกติดเงินหยวนกับดอลลาร์เมื่อปี 2005 นอกจากนี้เมื่อวันจันทร์ (31 มี.ค.) ธนาคารกลางได้ออกแถลการณ์ว่า จะยังคงนโยบายคุมเข้มต่อไป พร้อมชี้ว่า แรงกดดันเงินเฟ้อยังคงสูงอยู่ ส่วนภาคการลงทุนนั้นจะปรับ ดีดตัวสูงขึ้นเองภายหลัง

ทางด้านนายกรัฐมนตรี เวิน เจียเป่า ย้ำว่า ตนเองได้ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด และพร้อมปรับเปลี่ยนนโยบายตามสถานการณ์หากจำเป็น นักวิเคราะห์เชื่อว่า ปีนี้รัฐบาลน่าจะลงทุนด้านสาธารณูปโภค เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังคุมเข้มมานาน

“เราต้องหาจุดสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจ และการคุมเงินเฟ้อ” เวินกล่าวพร้อมสัญญาว่า ปีนี้จะสร้างงานเพิ่มให้ได้ 10 ล้านตำแหน่ง เพื่อแก้ปัญหาเรื่องการจ้างงาน
กำลังโหลดความคิดเห็น