ไชน่าเดลี่-นักวิเคราะห์ชี้ตลาดหุ้นจีนยังคงแข็งแกร่งโดยพื้นฐาน แม้ว่าจีนจะได้รับผลกระทบจากการถดถอยของเศรษฐกิจทั่วโลก และภัยธรรมชาติรุนแรงสุดในรอบ 50 ปีในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาก็ตาม
หลังจากที่ราคาหุ้นเซี่ยงไฮ้ร่วงแบบฉุดไม่อยู่ตั้งแต่วันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ร่วงลง 16.6% มูลค่าทุนตามราคาตลาดสูญไป 5 ล้านล้านหยวน ซึ่งนักวิเคราะห์บางรายชี้ว่า ราคาหุ้นบนหุ้นกระดานเอที่ดิ่งตัวลงในช่วงที่ผ่านมา กลับช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดใจให้แก่หุ้นตัวนั้นมากขึ้น เนื่องจากราคาสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของมันเอง
ขณะที่นักวิเคราะห์หลายรายกล่าวว่า แม้จะเกิดภาวะหุ้นร่วงในตลาดหุ้นฮ่องกง,เกาหลีใต้,สิงค์โปร,ฟิลิปปินส์ อินเดีย ตลาดหุ้นจีนก็มีแนวโน้มต่ำมากที่จะร่วงตาม
“ภาวะหุ้นร่วงช่วยลดความผันผวนของราคาหุ้นหลายตัวที่เดิมเคยมีราคาสูงมาก ทำให้หุ้นเหล่านี้น่าสนใจมากขึ้นในสายตานักลงทุนแบบเน้นคุณค่ามากขึ้น”จางฟาน ผู้เชี่ยวชาญจากฉางเจียง ซิเคียวริตี้ส์กล่าว
ด้านเหยียนอี้ ผู้อำนวยการการลงทุนของเอชเอสบีซี จินทรัสตท์ ฟันด์ แมเนจเมนท์ คอมปานี กล่าวว่า ภาวะหุ้นร่วงมักสร้างโอกาสการลงทุนต่างๆ เนื่องจากพื้นฐานทางตลาดไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งหมายความว่า ความคึกคักของตลาดหุ้นจีนจะยังไม่สิ้นสุดลง อย่างไรก็ดี นักลงทุนไม่ควรลงทุนโดยอาศัยข้อมูลของอัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไรหุ้น(P/E)อย่างเดียว แต่ควรสังเกตสถานการณ์การลงทุนทั้งหมด
ขณะที่เฉินหลี่ นักวิเคราะห์จากเซินอิ่น วั่นกั๋ว ซิเคียวริตี้ส์คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นจีนจะยังคงมีความผันผวนจนถึงเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งตรงกับช่วงที่สถาบันการเงินส่วนใหญ่ของสหรัฐฯออกรายงานประจำปี ส่วนรัฐบาลจีนก็จะประกาศแผนการเงินในการประชุมประจำปีสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ สำหรัสถานการณ์ทั่วโลกนั้น ธนาคารเพื่อการลงทุนหลายแห่งได้ออกรายงานการขาดทุนไปก่อนนี้ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตซับไพรม์ของสหรัฐฯ
ด้านผู้นำการเงินจากกลุ่มจี 7 ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกกล่าวเมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า วิกฤตตลาดที่พักอาศัยของสหรัฐฯได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และสถานการณ์อาจเลวร้ายลงกว่าเดิมเนื่องจากธนาคารพาณิชย์ต่างจำกัดการปล่อยสินเชื่อ
เหยียนกล่าวว่า ผลประกอบการที่ย่ำแย่ของธนาคารหลายแห่งทั่วโลก อาจเพิ่มความกังวลแก่นักลงทุนว่าความตกต่ำทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯอาจทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงอย่างหนัก แต่ภาวะดังกล่าวจะส่งผลกระทบด้านลบในแง่ความรู้สึกของนักลงทุนจีนเท่านั้น แต่ไม่ใช่เศรษฐกิจจีน
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์หลายรายยังคาดการณ์ว่า ความถดถอยทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และภาวะตลาดส่งออกที่ชะลอตัวลง จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของกำไรของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จีน ซึ่งตัวเลขของโกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า ปีที่แล้ว ผลกำไร 90% ของบริษัทที่จดทะเบียนบนหุ้นกระดานเอ มาจากตลาดภายในประเทศ มีเพียง 0.6% เท่านั้นที่มาจากตลาดสหรัฐฯ และ 0.4% มาจากตลาดยุโรป
นอกจากนี้ยังคาดว่าบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะได้รับประโยชน์จากภาษีระบบเดียว ซึ่งจีนเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ช่วยลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของบริษัทท้องถิ่นจาก 33% เหลือ 25%
โจนาธาน แอนเดอสัน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของยูบีเอส ซิเคียวริตี้ส์ เอเชียกล่าวว่า แม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะมีความเกี่ยวพันกับเศรษฐกิจของสหรัฐฯพอสมควร แต่ก็ไม่มากพอที่จะเปลี่ยนพื้นฐานที่มีอยู่ได้ สรุปคือ ความตกต่ำทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯจะไม่ส่งผลกระทบมากมายต่อจีน.