เอเยนซี - หลังจากที่บริษัท อลูมินัม คอร์ปอเรนชั่น ออฟ ไชน่า หรือไชนาลโคเพิ่งประกาศจับมือกับบริษัท อัลโค อิงค์ เพื่อเข้าซื้อหุ้น 12% ของยักษ์เหมืองแร่อย่างริโอ ตินโตไปไม่กี่วัน ล่าสุดกระแสการซื้อหุ้นของกิจการแร่ต่างประเทศจากแดนมังกรก็เริ่มมีอุณหภูมิเดือดขึ้นเมื่อบริษัทต่างๆของจีนได้กระจายกันไปเพื่อเจรจาซื้อกรรมสิทธิ์หุ้นจากนานาประเทศ ซึ่งถูกมองว่าเป็นความพยายามเพื่อเพิ่มอำนาจในการเจรจาราคาในตลาดโลก
โดยบรรษัทการลงทุนแห่งประเทศจีน (ซีไอซี) ได้ร่วมมือกับบริษัท เสินหัว เอ็นเนอร์จี้ จำกัดในการทุ่มเงิน 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อเข้าเจรจาขอซื้อหุ้นจำนวน 15.85% ของ Fortescue Metals บริษัทแร่เหล็กจากออสเตรเลีย โดยแหล่งข่าวได้ระบุว่า ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นการเจรจาขั้นแรก
ในขณะเดียวกันบริษัทโส่วกัง กรุ๊ปที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดฮ่องกงก็ได้ประกาศว่า จะใช้เงิน 1,500 ล้านหยวนในการซื้อกรรมสิทธิ์หุ้น 9.74% ของบริษัทเมาท์ กิ๊บสัน ไอรอน (Mount Gibson Iron) และอาจจะมีการพัฒนาไปเป็นการซื้อถึง 19.72% โดยจะมีการลงนามเซ็นสัญญากันในเร็วๆนี้ ซึ่งทางโส่วกังได้ระบุว่า ดีลในครั้งนี้จะช่วยให้โส่วกังได้รับซัพพลายวัตถุดิบในระยะยาว
นอกจากนั้นธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศจีน (ซีดีบี) ซึ่งเป็นหนึ่งในะนาคารทางนโยบายของทางการจีนนั้น ก็กำลังเจรจาที่จะเข้าถือหุ้น 35% ของบริษัท Xstrata ในสวิสเซอร์แลนด์ซึ่งเป็นบริษัทแร่อันดับ 7 ของโลก ซึ่งในดีลนี้อาจจะต้องใช้เงินที่มากถึงราว 27,540 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
การเดินหน้าดังกล่าวยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าจีนกำลังเคลื่อนไหวเพื่อตามหาแหล่งแร่และทรัพยากรต่างๆในโลก และกำลังเป็นที่จับตามองขณะนี้จีนเริ่มมีความพยายามที่จะก้าวออกไปเป็นส่วนหนึ่งที่จะมีบทบาทในการกำหนดเงื่อนไขต่างๆของตลาดเหล็กโลก หลังจากที่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาต้องเหน็ดเหนื่อยกับการรับมือราคาเหล็กในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้น
โดยเฉพาะในขณะนี้ ที่บริษัทเป่ากังของจีนกำลังเจรจาเรื่องราคากับยักษ์แร่เหล็กต่างๆทั่วโลกในรอบที่ 3 โดยผู้คนในวงการต่างมองกันว่า การที่บริษัทจีนได้เข้าไปถือหุ้นในบริษัทอุตสาหกรรมแร่ประเทศต่างๆของโลกนั้นจะมีส่วนช่วยให้จีนนั้นมีอำนาจในการต่อรองมากยิ่งขึ้น