ไฟแนนเชียล ไทมส์ – ตลาดหุ้นจีนซึ่งอยู่ในภาวะขาลงขณะนี้ ทำให้นักลงทุนแดนมังกร ซึ่งมีประชากรมากที่สุดในโลก มองหาช่องทางขยับขยายเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯกันมากขึ้น
ความเคลื่อนไหวล่าสุดนั้น คณะกรรมการกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) เตรียมลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกันกับคณะกรรมการกำกับดูแลธนาคารจีนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งจะเป็นการเปิดไฟเขียวให้ธนาคารพาณิชย์ในจีนจัดตั้งกองทุนรวมสำหรับลูกค้าธนาคาร เพื่อเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯได้
ข้อตกลงดังกล่าวจะเปิดกว้างให้ชาวจีนทั่วไปนำเงินออม ซึ่งมีอยู่รวมกันทั้งหมดจำนวน 2.4 ล้านล้านล้านดอลลาร์ ไปลงทุนในต่างประเทศได้มากขึ้น จีนเรียกนักลงทุนเหล่านี้ว่า นักลงทุนมีคุณภาพในประเทศสำหรับตลาดต่างแดน หรือ QDII
ขณะที่ในปัจจุบัน ชาวจีนสามารถแลกเปลิ่ยนเงินหยวนเป็นเงินสกุลต่างชาติได้มากขึ้นถึงปีละ 50,000 ดอลลาร์ จากแต่ก่อน ซึ่งทำไม่ได้มากเท่านี้ เนื่องจากมาตรการควบคุมเงินทุนอย่างเข้มงวดของจีน ซึ่งส่งผลให้การลงทุนในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรในต่างแดนทำได้น้อยมาก
ด้านนายเฮนรี่ พอลสัน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เรียกร้องให้จีนผ่อนคลายมาตรการควบคุมเงินทุน และอนุญาตให้เม็ดเงินในประเทศไหลออกไปต่างแดนได้ โดยแผนการนำเงินประชาชนไปลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก่อเป็นรูปร่างขึ้นในการเจรจาเศรษฐกิจเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างชาติทั้งสองในเดือนพฤษภาคม และธันวาคมที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญประการหนึ่งต่อแผนการย้ายเม็ดเงินลงทุนได้แก่ชาวจีนส่วนใหญ่ ยังไม่แสดงความกระตือรือร้นมากมายในการลงทุนในสหรัฐฯ และที่อื่น ๆ ซึ่งเห็นได้จากกองทุนรวม ที่ธนาคารจัดตั้งขึ้นมานั้น มีผู้แสดงความสนใจซื้อหน่วยลงทุนต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ โดยนักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้ตลาดทั่วโลกผันผวน นอกจากนั้น ความเชื่อมั่นที่มีต่อตลาดหุ้นในบ้านของตัวเองก็ยังไม่เหือดหายไปเสียทีเดียว
