เอเอฟพี/หนังสือพิมพ์สากล – สืบเนื่องจากวิกฤตซับไพรม์ บริษัทอเมริกันขนาดกลางและย่อมจำนวนมากเริ่มไม่สามารถชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้จีนได้ ขณะที่รายงานผลประกอบการปีที่แล้วของแบงก์ ออฟ ไชน่าอาจติดตัวแดง เพราะการลดมูลค่าสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับซับไพรม์
หนังสือพิมพ์ในเครือหนันฟังเดลี่ของจีนรายงานว่า สืบเนื่องจากวิกฤตสินเชื่อด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ในสหรัฐ ทำให้จำนวนคดีความบริษัทจีนติดตามทวงหนี้กับบริษัทอเมริกันเพิ่มขึ้น
หลิวไห่ซั่น ประธานบริษัทบริหารสินทรัพย์จีน-สหรัฐ ซึ่งเป็นบริษัทติดตามทวงหนี้ให้ข้อมูลว่า ปกติจะมีคดีประเภทดังกล่าวเข้ามาราว 3 คดีต่อเดือน แต่เดือนธันวาคมปี 2007 เพิ่มมากกว่า 12 คดีทั้งยังมีที่โทรศัพท์เข้ามาสอบถามด้วย จำนวนหนี้สินมีตั้งแต่ 300,000 – 500,000 เหรียญสหรัฐ สูงสุดถึง 2 ล้านเหรียญสหรัฐ
หลิวยังคาดว่าในอีก 3 เดือนข้างหน้าจะเป็นช่วงที่จำนวนคดีความติดตามทวงหนี้บริษัทอเมริกันเพิ่มสูงที่สุดด้วย ขณะเดียวกัน ขอบข่ายของกลุ่มลูกหนี้ที่แต่เดิมมีเพียง ธุรกิจสิ่งทอ ของที่ระลึก ได้ขยายสู่กลุ่มยานยนต์ อะไหล่และชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย
ด้านเจฟฟรีย์ เจ.ไวลด์ หุ้นส่วนของลอเวนสไตน์ แซนด์เลอร์ บริษัทกฎหมายของสหรัฐ กล่าวสอดคล้องกันว่า จำนวนคดีที่บริษัทจีนติดตามทวงหนี้กับบริษัทอเมริกันเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว บริษัทค้าขายระหว่างประเทศของจีนได้ว่าจ้างเขาติดตามทวงหนี้มากกว่า 2 คดี ทั้งนี้ ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว บริษัทอเมริกันขนาดกลางและย่อมจำนวนมากเริ่มผัดผ่อนการชำระหนี้ให้แก่บริษัทจีน
จากสถิติของศุลกากรจีนชี้ว่า ในปี 2007 ปริมาณการส่งออกของจีนไปยังสหรัฐลดลงเรื่อยๆ ในแต่ละไตรมาส โดยไตรมาสแรกจีนส่งออกเพิ่มขึ้น 20.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า เมื่อถึงไตรมาสที่สองและสามลดลงเหลือ 15.6% และ 12.4% ตามลำดับ
ขณะเดียวกัน เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ หนังสือพิมพ์รายวันชื่อดังของฮ่องกง ฉบับวันที่ 21 ม.ค. อ้างแหล่งข่าวภายในของธนาคารจีนแผ่นดินใหญ่ คาดว่าผลประกอบการรอบปี 2007 ของแบงก์ ออฟ ไชน่า (บีโอซี) ที่จะประกาศในเดือนเมษายนนี้ ผลกำไรอาจลดลงหรือถึงขั้นติดตัวแดง เนื่องจากการลดมูลค่าสินทรัพย์เพื่อให้ตรงกับความเป็นจริง
เมื่อเดือนกันยายน 2007 บีโอซีซึ่งเป็นธนาคารจีนที่ลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวกับสินเชื่อซับไพรม์มากที่สุด ได้ลดมูลค่าสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อซับไพรม์จาก 9,650 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนสิงหาคม เหลือ 7,950 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าบีโอซีจะประกาศลดมูลค่าทรัพย์สินดังกล่าวม์อีก 322 ล้านเหรียญสหรัฐ
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่อาวุโสของคณะกรรมการกำกับธนาคารจีนได้เคยออกมาเตือนให้ บีโอซี และอินดัสเตรียล แอนด์ คอมเมอร์เชี่ยล แบงก์ ออฟ ไชน่า (ไอซีบีซี) รวมทั้งไชน่า คอนสตรักชั่น แบงก์ (ซีซีบี) สามในสี่ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่สุดของจีน เตรียมการรับมือผลกระทบจากวิกฤตสินเชื่อซับไพรม์ของสหรัฐ
ทั้งนี้ ราคาตราสารทางการเงินและหน่วยลงทุนที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อซับไพรม์ลดลงอย่างมากในข่วงไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว บีบให้ธนาคารสหรัฐชั้นนำหลายแห่งที่ลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวกับสินเชื่อซับไพรม์ ต้องประกาศตัวเลขขาดทุนในช่วงดังกล่าว.