เอเยนซี – ท่ามกลางความวิตกว่า ปัญหาเศรษฐกิจโลก ที่มีสหรัฐฯเป็นแกนนำในขณะนี้ อาจทำลายการเติบโตของประเทศต่างๆ ทว่านักวิเคราะห์กลับชี้ว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว จะส่งผลกระทบแง่บวกต่อจีน โดยจะช่วยลดเงินเฟ้อ กับการเติบโตที่ร้อนแรง
เศรษฐกิจจีนที่เชื่อมต่อกับโลกาภิวัตน์ จนเติบโตได้ดุลการค้าในปี 2007 เพิ่มขึ้นกว่า 48% ทำลายสถิติเกินดุลมากที่สุดในช่วง 10 ปี แต่ขณะนี้ ยอดเกินดุลจีนกำลังผจญความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว กลจักรสำคัญที่ผลักดันให้อัตราเกินดุลเพิ่มอย่างพรวดพราดคือ ภาคการส่งออกจีนที่ทำสถิติเกินดุลปี 2007 อยู่ที่ 262,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จนก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างจีนกับประเทศตะวันตกที่ขาดดุลอาทิ ยุโรป และสหรัฐฯ
ฉะนั้นด้วยเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ปัญหาเศรษฐกิจโลกย่อมส่งผลสะเทือนต่อจีน นายซั่งฝูหลิน ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์จีน (ซีเอสอาร์ซี) เปิดเผยรายละเอียดระหว่างเข้าร่วมในงานสัมมนาว่าด้วยตลาดทุนจีนครั้งที่ 12 ว่า “หากพิจารณาในระยะยาว วิกฤติซับไพรม์จากสหรัฐฯ อาจมีส่วนในการลดอุปสงค์ภายนอกอันเป็นหนึ่งในตัวกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจจีน และส่งผลกระทบต่อธุรกิจส่งออก นอกจากนั้นยังจะมีผลกระทบทางอ้อม ต่อผลประกอบการของธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ที่ได้มีการจดทะเบียนไว้ในตลาดหลักทรัพย์”
แม้นักสังเกตการณ์ส่วนหนึ่งอาจมองว่า จีนจะตกที่นั่งลำบากจากปัญหาเศรษฐกิจโลก ทว่าหากมองจากอีกด้านหนึ่ง การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก อาจส่งผลในแง่ดีต่อภาคเศรษฐกิจจีนที่โตอย่างร้อนแรงจนน่าวิตก
ที่ผ่านมาตัวเลขเกินดุลการค้าขนาดยักษ์ของจีน ส่งผลให้เกิดการไหลทะลักของเงินจำนวนมหาศาล สู่ภาคการเงินของจีน ซึ่งต้องเร่งระบายเงินออกสู่ตลาดจนสถิติการปล่อยกู้ปี 2007 เพิ่มขึ้น 16% การเร่งระบายเงินดังกล่าว ทำให้ปัญหาเศรษฐกิจจีนที่ร้อนอยู่แล้ว ยิ่งร้อนเข้าไปใหญ่ เมื่อเงินดังกล่าวถูกนำไปลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ และตลาดทุน ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้เศรษฐกิจจีนเพิ่มความร้อนแรง จนหลายฝ่ายวิตกว่า อาจเกิดฟองสบู่แตก นอกจากนี้ความร้อนแรงของเศรษฐกิจดังกล่าว ยังส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อที่พุ่งพรวดพราด จนรัฐบาลจีนต้องออกมาตรการหลายชุดสยบเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่โตจนน่าวิตก อาทิ กระตุ้นเพิ่มการนำเข้า, เก็บภาษีสินค้าส่งออกหลากชนิด และปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่ามากขึ้น จนหยวนแข็งค่าขึ้น 6.9% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2007 โดยมาตรการเหล่านี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มอัตราการนำเข้า และชะลอการส่งออกสินค้า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เม็ดเงินจำนวนมากไหลทะลักเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจีน
อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวมิสามารถชะลอภาคเศรษฐกิจจีนได้อย่างชะงัด ตามที่รัฐบาลหวัง ทว่าพลันที่เศรษฐกิจโลกส่งสัญญาณชะลอตัวด้วยวิกฤตซับไพรม์สหรัฐฯ ปฏิบัติการคุมเข้มเศรษฐกิจที่รัฐบาลจีนกังวลมานาน พลันมีความหวังขึ้นอีกครั้งจากปัจจัยไม่คาดฝัน
นักเศรษฐศาสตร์หลายสำนักชี้ว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยเฉพาะการชะลอตัวในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของจีน จะส่งผลให้อุปสงค์ต่อสินค้าลดลง และดันปริมาณการส่งออกลดลง ภาวะดังกล่าว จะช่วยผ่อนเพลายอดเกินดุลการค้าขยายตัวเพียง 10-25% ในปี 2008 หรือไม่ขยายตัวเลย เท่ากับว่า ปัจจัยการส่งออก ซึ่งเป็นหนามยอกอกการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลได้มลายหายไป ด้วยภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
ทั้งนี้ทางการจีนเผยตัวเลขประมาณการว่า การส่งออกมีสัดส่วนเป็น 2.5% ของตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจจีน ที่มียอดผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ณ สามไตรมาสแรกของปี 2007 ถึง 11.5% ตัวเลขดังกล่าวนี้ หากนำไปเทียบกับสหรัฐฯเมื่อช่วงต้นทศวรรษ ที่เศรษฐกิจอเมริกันตกต่ำ สัดส่วนการส่งออกจีนต่อจีดีพียังมากกว่าสหรัฐฯหลายเท่า
“อุปสงค์ภายนอกที่ลดลงเพียงเล็กน้อย จะส่งผลกระทบต่ออัตราการเติบโตของจีนอย่างมหาศาล และเป็นผลกระทบที่รุนแรงกว่า 5 ปีที่แล้ว” ไมเคิล เคิร์ตซ์ นักเศรษฐศาสตร์ ฝ่ายภูมิภาคเอเชีย ของแบร์ สเติร์น กล่าว
หากหักลบตัวเลขการส่งออกที่มีสัดส่วน 2.5% ออกจากอัตราการเจริญเติบโตของจีดีพีจีน คาดว่าเศรษฐกิจจีนปีนี้คงขยายตัวที่ราว 9% ซึ่งก็ยังเป็นตัวเลขที่มากมิใช่น้อย
อย่างไรก็ตาม หากสังเกตความกังวลของผู้นำจีน ช่วงเดือนที่ผ่านมา ประเด็นเศรษฐกิจร้อนและเงินเฟ้อ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ที่จะส่งผลให้เศรษฐกิจจีนชะลอลงน่าจะเป็นเรื่องที่น่าพึงพอใจมากกว่ากังวล
หากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวจนเกินไป รัฐบาลก็มีทุนมหาศาลที่พร้อมอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจ เฉพาะเงินรายได้จากภาษีปี 2007 ที่เพิ่มขึ้นถึง 30% ก็มากกว่างบประมาณที่เพิ่มขึ้นแล้ว รัฐบาลจึงมีทุนพร้อมอัดฉีดมหาศาล
นอกจากนี้ หวังเต้า นักเศรษฐศาสตร์ของ แบงก์ ออฟ อเมริกา ยังได้แสดงทรรศนะว่า “แม้ภาคการส่งออกจีนจะชะลอตัวลงบ้าง ทว่าการเติบโตของภาคการลงทุน รวมทั้งการบริโภคที่เพิ่มขึ้น จะช่วยหนุนประคองให้จีดีพีโดยรวมโตต่อไป” ดังนั้น เศรษฐกิจปีหนูจะขยายตัวถึง 10%
แม้นักเศรษฐศาสตร์แดนมังกรจะกังวลว่า ปีนี้เศรษฐกิจอาจไม่ร้อนแรงอย่างที่ผ่านมา ทว่ารัฐบาลจีนกลับมองในแง่บวก โดยธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีน ซึ่งเป็นธนาคารกลางของประเทศแถลงในรายงานนโยบายการเงินว่า “ในอนาคตอันใกล้ อัตราการเติบโตดุลการค้าจีนอาจลดลง ทว่าก็ยังคงตัวอยู่ในระดับที่สูง ที่ผ่านมาจีนได้เพิ่มความหลากหลายในภาคการค้าต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบแง่ลบจากสภาพเศรษฐกิจชะลอตัวในภูมิภาค”