ซีน่าเน็ต –การไหลเวียนระหว่างทุนต่างชาติกับจีนที่เริ่มมีความเชื่อมโยงกันมากขึ้น อาจทำให้จีนได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโลก ล่าสุด ประธานซีเอสอาร์ซีได้เตือนว่าในระยะยาว วิกฤติซับไพรม์อาจส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีน โดยจะกระทบต่อธุรกิจส่งออก และส่งผลทางอ้อมต่อบริษัทที่เกี่ยวข้องในตลาดหลักทรัพย์
นายซั่งฝูหลินประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์จีน (CSRC) ได้เข้าร่วมในงานสัมมนาว่าด้วยตลาดทุนจีนครั้งที่ 12 โดยได้เปิดเผยว่า หากพิจารณาในระยะยาว วิกฤติซับไพรม์จากสหรัฐฯอาจมีส่วนในการลดอุปสงค์ภายนอกอันเป็นหนึ่งในตัวกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจจีน และส่งผลกระทบต่อธุรกิจส่งออก นอกจากนั้นยังจะมีผลกระทบทางอ้อมต่อผลประกอบการของธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ที่ได้มีการจดทะเบียนไว้ในตลาดหลักทรัพย์
นอกจากนั้น การไหลเวียนของทุนต่างชาติที่มากขึ้นมาตลอด ได้ส่งผลให้เกิดความคึกคักในบรรดาบริษัทกองทุนและบริษัทลงทุนข้ามชาติ ทว่าเมื่อใดที่เกิดผลกระทบกับตลาดทุนนานาชาติ ผลกระทบด้านลบนั้นก็จะส่งผลมายังตลาดหลักทรัพย์ของจีนด้วยเช่นกัน
“ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์จีนยังมีความบกพร่องอยู่ไม่น้อย ยกตัวอย่างเช่นสภาพโครงสร้างทุนที่ไม่สมเหตุสมผล มีสินค้าที่ไม่หลากหลายซึ่งเป็นปัญหาที่เห็นได้ชัด หรืออย่างขนาดของการซื้อขายล่วงหน้าที่มีขนาดเล็ก มีรูปแบบการทำกำไรที่ตายตัว มีกำลังการแข่งขันที่ไม่เพียงพอเป็นต้น”
จากปัญหาเหล่านี้ ทำให้ประธานคณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์จจีนได้มองว่าในอนาคตจะต้องมีการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับตลาดทุนจีน ด้วยการขยายสัดส่วนการลงทุนโดยตรงให้มากขึ้น สนับสนุนให้วิสาหกิจขนาดใหญ่ที่มีผลประกอบการดี หรือเอสเอ็มอีที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เข้ามาจดทะเบียนในตลาด ผลักดันให้บริษัทกองทุน ธุรกิจหลักทรัพย์สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบใหม่ๆ รวมไปถึงการปรับปรุงการกำกับดูแลตลาดทุน ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
