รัฐบาลจีนปวดหัวหลังผลสำรวจชี้ประชาชนรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมน้อย

ไชน่าเดลี่ – ช็อค ! จีนสำรวจทั่วประเทศ พบประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่รู้เรื่องการปกป้องสิ่งแวดล้อม ขณะที่ประชาชนลงมือรักษาสิ่งแวดล้อมกันน้อยมาก

ผลสำรวจทั่วประเทศของสมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมด้านสิ่งแวดล้อมของจีน ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมแห่งรัฐ (SEPA) เผยให้เห็นดัชนีชี้วัดสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม 3 ตัวอยู่ในเกณฑ์ต่ำ โดยชาวจีนทราบเรื่องการปกป้องสิ่งแวดล้อมเพียงร้อยละ 42.1 จากร้อยละร้อย , ลงมือปฏิบัติร้อยละ 36.6 และพอใจกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐในขณะนี้ร้อยละ 44.7 โดยผลสำรวจเผยแพร่เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

ปัญหาประชาชนไม่รู้เรื่องการปกป้องสิ่งแวดล้อมเป็นข้อเท็จจริง ที่รัฐบาลจีนต้องรีบแก้ไขโดยเร่งด่วน

นอกจากนั้น การมีส่วนร่วมปกป้องสิ่งแวดล้อมของประชาชนก็อยู่ในระดับน่าวิตก โดยมีผู้ตอบสำรวจเพียงร้อยละ 13 เท่านั้น ที่คิดว่าตนได้มีบทบาทสำคัญในการรักษาสิ่งแวดล้อม และผู้ตอบสำรวจเกือบครึ่งหนึ่งไม่คิดว่า ตนได้เข้ามีส่วนร่วมปรับปรุงสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง อันมีนัยว่า การรณรงค์สีเขียวในประเทศจีนประสบความล้มเหลว

การสำรวจกระทำทุก ๆ ปี ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ครอบคลุม 31 เมืองเอกของมณฑลและเขตปกครองตนเองในแผ่นดินใหญ่ โดยมีผู้ตอบสำรวจกว่า 9,000 คน

ยกตัวอย่าง ผู้คนในกรุงปักกิ่งรู้เรื่องปกป้องสิ่งแวดล้อม มาเป็นอันดับ 3 ของเมืองทั้งหมด แต่การลงมือปฏิบัติติดอันดับ1 ขณะที่ประชาชนในจี๋หนัน, มณฑลซันตงและหลันโจว, มณฑลกานซู่ เป็นพวกที่วิตกปัญหาสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ทว่าก็บังเอิญเช่นกันที่ จี๋หนันและหลันโจว มีสภาพแวดล้อมเป็นพิษมากที่สุดเมืองหนึ่งในจีน

การสำรวจ ซึ่งมุ่งด้านสภาพชีวิตความเป็นอยู่ด้วยนั้น เผยให้เห็นว่ามลภาวะด้านสิ่งแวดล้อมยังบ่อนทำลายชีวิตประจำวันของผู้คน นับตั้งแต่เรื่องอาหาร, เครื่องนุ่งห่ม,ที่อยู่อาศัยและการขนส่ง โดยผู้ตอบสำรวจถึงกว่าร้อยละ 60 กังวลว่า สภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรมอาจทำให้อาหารไม่มีความปลอดภัย ซึ่งเป็นปัญหาที่ประชาชนวิตกกังวลมากที่สุดในขณะนี้ ส่วนอีกร้อยละ 40 กลัวว่าวัสดุตกแต่งภายในบ้านอาจมีอันตราย และอีกร้อยละ 40 มองว่าวัสดุเสื้อผ้ามีอันตรายต่อสุขภาพ

นอกจากนั้น น้ำยังเป็นเรื่องวิตกใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง โดยผู้ตอบสำรวจกว่าร้อยละ30 เห็นว่าเป็นความเสียหายร้ายแรงที่สุดด้านสิ่งแวดล้อม ร้อยละ 20 ไม่พอใจคุณภาพน้ำที่ส่งไปตามชุมชนอาศัย และอีกร้อยละ 20 เป็นห่วงบริการน้ำดื่มตามสถานที่สาธารณะ

อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกันนั้น ผลสำรวจก็พบว่า ประชาชนยังทราบปัญหาน้ำน้อยมาก เช่นร้อยละ 60 ไม่ทราบสาเหตุการระบาดของสาหร่ายน้ำเงินแกมเขียว ในทะเลสาบไท่หูเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว และกว่าร้อยละ 50 ไม่รู้ว่าแม่น้ำสายใหญ่ของประเทศมีน้ำเสียถึงร้อยละ 70 และที่น่าประหลาดใจอย่างมากก็คือมีร้อยละ26 เท่านั้น ที่ระบุว่า เดือดร้อนจากสภาพแวดล้อมเป็นพิษอย่างรุนแรง

ด้านนายพานเย่ว์รัฐมนตรีช่วยว่าการ SEPA กล่าวว่า เนื่องจากมลพิษด้านสิ่งแวดล้อมเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพมนุษย์มากขึ้นทุกที การปกป้องสิ่งแวดล้อมจึงกลายเป็นคำมีความหมายเหมือนคำว่าการปกป้องสิทธิมนุษยชน การเข้าร่วมของประชาชนจึงเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ในการขับเคลื่อนพลังสีเขียวในประเทศ โดยปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลจีนต้องขบคิดในปีนี้ก็คือจะนำพลังประชาชนมาปรับปรุสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นได้อย่างไร?